จากกระแสละครเรื่อง สายโลหิต เวอร์ชั่น 2538 ที่ช่อง 7 นำกลับมาฉายช่วงปลายปี 2559 จนเกิดปรากฏการณ์ “ขุนไกรฟีเวอร์” ดังเปรี้ยงปร้างลั่นโซเชียล บางคนแซวว่าเป็นปรากฏการณ์ “ศรรามคืนชีพ” จะเรียกอย่างนั้นก็คงไม่ถูกเพราะจริงๆ แล้วพระเอกคนนี้ไม่เคยหายไปจากหน้าจอ แถมมีแฟนคลับตามเชียร์อยู่ตลอด
“ปลายปีที่แล้วเราอยู่ในช่วงเวลาของการถวายความอาลัยแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ฉะนั้นภาพยนตร์ ละคร หรือรายการต่างๆ จะจัดอยู่ในหมวดของความรักชาติ ซึ่ง สายโลหิต เป็นละครรักชาติเวอร์ชั่นที่ผมแสดงเมื่อปี 2538 เขียนบทโทรทัศน์โดยป้าแดง – ศัลยา (ศัลยา สุขะนิวัตติ์) เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสมัยเสียกรุงครั้งที่ 2 ด้วยเนื้อหา ด้วยความสมจริงของบทและตัวละครทำให้คนดูเชื่อ คือเราไม่เชื่อหรอกว่าทหารที่ไปรบมาแล้วเสื้อผ้าหน้าผมจะเนี้ยบใช่ไหมฮะ ผมขี่ม้าฟันดาบเอง คิวบู๊ 5 ต่อ 1 ทำการแสดงเองทั้งหมด ไม่ใช้สแตนด์อิน ไม่มีฟันดาบหนึ่งทีแล้วตัดมายืนเต๊ะเท่ๆ ไม่มีตัวช่วยเยอะแยะอย่างปัจจุบัน พอถูกนำกลับมาฉายใหม่จึงได้กระแสตอบรับดี ผมคิดว่าเป็นแบบนั้นนะครับ
“หลังจากละครออนแอร์ใหม่มันก็เกิดเป็นกระแส ‘ขุนไกรสายเปย์’ ‘ขุนไกรอปป้า’ พาดาวเรืองไปเที่ยว ซื้อกำไลให้ ‘ขุนไกรสองเสียง’ คุยกับพวกหมื่นทิพย์เสียงหนึ่ง คุยกับแม่หญิงดาวเรืองเสียงหนึ่ง เกิดขึ้นหลายฉายา หลายแฮชแท็กมาก ผมก็ตลกไปด้วย รู้สึกดีใจที่คนชื่นชอบ ซึ่งไม่อยากเชื่อเลยว่าละครที่ถูกสร้างเมื่อปี 2538 นำกลับมาแพร่ภาพในปี 2559 แล้วยังได้รับเรตติ้งอันดับหนึ่ง ปลื้มฮะโดยเฉพาะเวลาคนดูเห็นว่า อ๋อ นี่เหรอพี่หนุ่ม – ศรราม เมื่อก่อนเขาหน้าตาเป็นแบบนี้ ปัจจุบันก็ยังไม่เปลี่ยน เวลาทำอะไรเขาไม่ได้เลยเนอะ (หัวเราะ) กลายเป็นว่าเด็ก ๆ รุ่นใหม่กลับไปหางานเก่า ๆ ที่ผมเคยแสดงไว้มาดู ต้องขอบคุณพี่ ๆ ทีมงานทุกคนที่มีส่วนทำให้งานทุก ๆ ชิ้นยังอยู่ในใจของผู้ชม
“อย่างที่เห็นผมทำหลายอย่างมากครับ เป็นนักแสดง เป็นพิธีกร เป็นนักร้อง เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณา งานผู้กำกับก็ได้ทำแล้ว เป็นผู้บริหาร สิ่งที่รู้สึกคือโชคดีจัง มีโอกาสได้ทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ได้เรียนรู้ข้อถูกผิด เริ่มทำใหม่ ๆ ก็ผิด ก็ต้องถามพี่ ๆ ที่เขาเคยทำว่าทำยังไงถึงจะถูก ทำผิดก็ขอโทษ ทำถูกก็ถือว่าเป็นวิชาความรู้ติดตัวเรา ถ้าถามว่าชอบทำอะไรที่สุด ร้องเพลงผมก็มีความสุขนะครับได้พบแฟนคลับแบบไม่มีอะไรขวางกั้น เวลาเล่นคอนเสิร์ตมันรับส่งได้เลย เราเล่นไป บอกขอเสียงหน่อย เขาส่งเสียงกลับมา เราได้รับรีแอ๊คชั่นทันที ต่างกับละครโทรทัศน์ ถามว่าเดี๋ยวนี้มันเร็วไหม เร็ว
มากครับ แต่มันอยู่ในมือถือ
“แฟนคลับของผมส่วนใหญ่เขาโตทันเรา หมายความว่าคนที่โตกว่าผมก็มี สมัยที่เราเป็นเด็กอายุ 17 – 18 ก็เป็นแฟนคลับกลุ่มหนึ่งรุ่นเดียวกับเรา ตอนนี้มีครอบครัว มีลูก เอาลูกมาเป็นแฟนคลับเราด้วยก็มี การได้ร่วมงานกับนักแสดงรุ่นใหม่ เล่นละครกับมาร์กี้ (ราศรี บาเล็นซิเอก้า) เรื่อง เงาพราย เล่น มายาตวัน กับญาญ่า (อุรัสยา เสปอร์บันด์) เล่นซีรี่ส์ต่าง ๆ แฟนคลับของน้อง ๆ เหล่านี้เขาก็ตามมาดูงานเราด้วย
“ผมมีข้อตกลงกับแฟนคลับ 2 เรื่อง หนึ่ง ผมพยายามสื่อสารกับแฟนคลับที่มีกำลังซื้อมากๆ ว่า ไม่อยากให้เขาเสียค่าใช้จ่ายกับผมเยอะแค่ดอกไม้ดอกหนึ่งก็พอแล้ว สอง วันไหนที่มาเชียร์ผม ไม่อยากให้โดดเรียนหรือโดดงานมา มันทำให้สิ่งที่พวกเขาต้องโฟกัสเสียไป
“จริงๆ แล้วผมมีความสุขกับทุกสิ่งที่ทำในแต่ละวัน เมื่อวานผมไปถ่ายละครผมก็มีความสุขในฐานะนักแสดง วันนี้มาถ่ายคอลัมน์ผมก็รู้สึกสนุกที่ได้พูดคุยแลกเปลี่ยน วันพรุ่งนี้ไปเล่นคอนเสิร์ตผมก็สนุกกับวงดนตรีของผม อีกวันไปเตะฟุตบอลผมก็มีความสุขกับทีม วันถัดไปเป็นผู้กำกับหนังโฆษณา เจอทีมงานเอาสตอรี่บอร์ดเอาโลเกชั่นมาให้ดู ทั้งหมดมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ผมก็สนุกกับมันทุกๆ วัน ไม่ค่อยกังวลกับผลลัพธ์ ผมสนใจขั้นตอนการทำงานมากกว่า พอเราโตขึ้น มีประสบการณ์มากขึ้น ถ้าเราทำงาน 100 เปอร์เซ็นต์ผลของงานที่ออกมาเมื่อหักลบกับความชำรุดมันอาจจะเหลือ 80
เปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นวิธีการทำงานของเราคือเราทำสัก 150 เผื่อผลเสียหรืออะไรที่มันอาจจะผิดพลาด สุดท้ายงานออกมาก็ยังเหลือ 100 เปอร์เซ็นต์
“การกลับมาร่วมงานกับกบ (สุวนันท์ ปุณณกันต์) ทำให้ผมเห็นว่าเวลาไม่ได้ทำให้เขาเปลี่ยนไปเลย กบก็ยังคงเป็นกบ – สุวนันท์ นักแสดงที่มีฝีมือ เอาใจใส่กับบท มีความเป็นธรรมชาติ ต้องบอกว่าเราติดต่อกันอยู่ตลอด คุยโทรศัพท์กัน กบส่งรูปหลานมาให้ดู
“เรื่อง ขวัญใจไทยแลนด์ ที่แสดงกับกบเป็นละครครอบครัวสนุกสนาน อยากให้คนดูได้เห็นว่าการมีครอบครัวที่แท้จริงมันต้องมีอะไรบ้าง การดูแลลูก ความรับผิดชอบ คือมันเอาเรื่องจริงมาพูดส่วน น้ำเซาะทราย เป็นละครดราม่าหนักๆ เลย เรื่องราวของเพื่อน 3 คน ‘ภีม’ คือผม ‘วรรณนรี’’ คือกบ และ ‘พุดกรอง’’ คือพี่เจี๊ยบ (โสภิตนภา ชุ่มภาณี) แย่งชิงกันเพื่อความรักของตัวเอง เชือดเฉือนและขยี้อารมณ์กันหนักมาก”
(สุดฯ : อายุมีผลต่อการลุยงานไหม) “มีผลในทางที่ดีครับ คือมันเป็นแบบอย่างของพระเอกสมัยก่อนที่ต้องทำเป็นหมด อย่างเล่นละคร พีเรียด พระเอกต้องพายเรือไปหานางเอก พายไม่เป็นเรือก็วนอยู่อย่างนั้น หรือเล่นเป็น ‘ตี๋ใหญ่’ ต้องขับรถสิบล้อ ยิงปืนสั้น 9 มม.11 มม. เล่นละครเทิดพระเกียรติต้องยิงเอ็ม 16 เล่นเรื่อง ซิงตึ๊ง ต้องเชือดไก่อยู่ตลาดนางเลิ้ง มันก็ต้องศึกษา ต้องฝึกฝน ถูกไหมฮะ เวลาแสดงอะไรก็ตามต้องทำให้เป็นธรรมชาติ พอเรามีทักษะอยู่
แล้ว ผมก็แค่ทบทวน อย่างยิงปืน อาจจะไปทดสอบหน่อยว่าตอนนี้สายตาเราเป็นยังไง
“แล้วก็ต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพราะเราทำงานหนัก โดนแดดในโลเกชั่นแล้วยังต้องมีไฟอัดเข้ามาอีก บางครั้งทำงานต่อเนื่องมากกว่า 20 ชั่วโมง ฉะนั้นร่างกายต้องพร้อม ต้องแข็งแรง กินอาหารครบ 5 หมู่ ที่สำคัญที่สุดคือต้องกระตือรือร้นตลอดเวลา”
เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ
ดาราหนุ่มวัยใสคนไหนโดนใจ เลือกค่ะ!!
ดาราชายจมูกโด่ง หล่อ เท่ สเป็คอ่ะ!
5 ดาราชายฝรั่ง #ยิ่งแก่ยิ่งแซ่บ
ดาราชายไทยกับแว่นกันแดด ใส่แล้วเท่ จนสาวๆ ละลาย