เขาคือ นักแสดงหน้าใหม่เชื้อสายจีน-แคนาดา ที่ถูกจัดให้เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงอีกคนหนึ่งของเอเชีย ด้วยความสามารถ รูปร่าง หน้าตาเข้าตากรรมการ ทำให้ลูดี้ได้รับบท “ Black Ranger ” ในขบวนการซูเปอร์ฮีโร่ 5 สี ที่พร้อมจะกลับมาสร้างปรากฎการณ์ระดับโลกอีกครั้ง
บทนี้ที่หากันจนเจอ
“สวัสดีครับ ผม “ลูดี้ หลิน” ครับ ในเรื่องนี้รับบท แซค หรือ แบล็คเรนเจอร์ ต้องเล่าให้ฟังสักนิดว่า ผมได้งานนี้เพราะเพื่อนและผู้จัดการเลยครับ เขามาบอกข่าวว่ามีการออดิชั่น ก็เลยออดิชั่นผ่านมือแล้วก็ส่งเทปไป 2 สัปดาห์ต่อมา ได้ยินว่ามีคนชอบเทปนั้น แต่ก็เงียบไปอีก จนสักพักผมได้รับข่าวว่า ดีน อิสราเอไลท์ ผู้กำกับสนใจ และก็มีโอกาสได้คุยกับเขาผ่านทาง Skype แล้วก็ออดิชั่นผ่าน Skype เลยครับ กลายเป็นว่าผมได้งานโดยที่ยังไม่เคยเจอผู้กับกับตัวเป็นๆ เลย
“นี่คือบทละครที่ดีมาก และยังเป็นหนังที่มีฐานแฟนคลับทั่วโลก นอกจากความรักที่มีต่อการแสดงแล้ว การมาเล่นบทซูเปอร์ฮีโร่ ยังมาพร้อมกับความรับผิดชอบด้วย เราต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กๆ เหมือนเรากลายเป็นไอดอลไปโดยปริยายครับ ทีแรกผมก็ไม่กดดันเท่าไรครับ แต่พอมีแฟนหนังพาวเวอร์เรนเจอร์รู้ บางคนส่งอีเมลมาบอกว่า “อย่าทำให้หนังเรื่องนี้พังนะ” ผมเริ่มกังวลนิดนึง แต่ก็มีบางส่วนที่ส่งกำลังใจมาให้ “ฉันโตมากับหนังเรื่องนี้ และเป็นเอเชียนแฟน ดีใจที่นักแสดงเอเชียได้เล่นเรื่องนี้” อีกคนเป็นคนเยอรมันส่งรูปตัวเองตอนอายุ 8 ขวบ ถ่ายรูปกับคนที่ใส่คอสตูมพาวเวอร์เรนเจอร์ที่สวนสนุกมาให้ผมดูด้วย น่ารักมากๆ เลย”
กว่าจะเป็นแบล็คเรนเจอร์
“ตอนนี้ผมก็อายุ 30 ปีแล้ว แต่แซคยังวัยรุ่น ก่อนถ่ายหนังผมเลยกลับไปที่ไฮสคูลที่ตัวเองเคยเรียน เพื่อดูว่าเรายังจะเนียนเป็นเด็กนักเรียนได้มั้ย ผมเลยแกล้งทำตัวเป็นเด็กใหม่ในโรงเรียน แล้วก็มีเด็กนักเรียนเข้ามาถามว่ายูเข้าใหม่เหรอ แล้วก็อาสาพาทัวร์โรงเรียน นี่ห้องอาหารนะ ห้องครัวอยู่ตรงนี้ นี่ห้องสมุด นี่ตึกเรียน สักพักมีครู 2 ท่านเดินผ่านมาพอดี แล้วก็ทักว่า “ลูดี้ เธอมาทำอะไรที่นี่” ความก็เลยแตกครับ (หัวเราะ) สรุปคือผมก็ยังพอเป็นวัยรุ่นอายุ 17 ไหวอยู่ครับ (ยิ้ม)
“แม้ผมจะมีพื้นฐานศิลปะป้องกันตัวมาบ้าง สำหรับบทนี้ ผมอยากให้คาแรคเตอร์แบล็คเรนเจอร์มีสไตล์การต่อสู้แบบใหม่ที่ผสมผสาน ไม่ใช่แนวกังฟูธรรมดา ผมจึงไปฝึกมวยปล้ำเพิ่ม เพื่อเติมความแข็งแกร่ง ดูมีพละกำลัง และฝึกกายกรรมเพื่อจะได้กระโดดสูงขึ้น ไม่ใช่อยากให้ดูดุเดือดบ้าระหำเท่านั้น แต่การเรียนพวกนี้ ทำให้เรารู้จักจังหวะ ศิลปะป้องกันตัวไม่ต่างจากการเต้นครับ ถ้าคุณไม่รู้จังหวะ ก็จะเกิดการผิดพลาดเจ็บตัวขึ้นได้ ผมว่าแบล็คเรนเจอร์เวอร์ชั่นนี้ มีความเป็นผู้ชายแข็งแกร่งและเซ็กซี่ไปพร้อมกันน่ะครับ ส่วนเรื่องเจ็บตัวเป็นเรื่องปกติครับ แต่ก็ไม่มีใครบาดเจ็บรุนแรง ผมเองก็ได้แผลเป็นตรงแขนมาเป็นที่ระลึกด้วยครับ (ยืนแขนให้ดู)
นักสู้ชุดดำ
“ผมชอบบทละครนี้มากครับ แต่ผมจะเข้าใจความรู้สึกของแซคมากกว่าแบล็กเรนเจอร์ (ตัวละครก่อนเป็นแบล็กเรนเจอร์) ด้วยความที่แซคเป็นวัยรุ่นอายุประมาณ 17 ปี เขาต้องพบกับปัญหาที่เด็กยุคนี้เจอ เช่น โซเชียลมีเดีย ความกดดันจากเพื่อน เราเองก็เคยผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาบ้าง นิสัยส่วนตัวที่เหมือนกันคือซน และชอบการผจญภัย ผมก็เป็นอย่างนั้นชอบทำอะไรที่ท้าทายตัวเอง แบบว่ารู้ว่าเสี่ยงแต่คงต้องขอลอง (ยิ้ม)
“หลายคนถามเรื่องชุดว่า ดูเท่และเป็นเอกลักษณ์มาก ผมอยากบอกว่าชุดมันเจ๋งมากก็จริงแต่ใส่ไม่สบายเลย ชุดนี้ต้องใส่ประมาณ 5-6 ชั้น ช่วงแรกยังไม่ค่อยชินกว่าจะใส่เสร็จประมาณ 2 ชั่วโมง ขยับตัวไม่ได้เลย ยิ่งขยับเหมือนเลือดยิ่งไม่เดิน สักพักตัวเริ่มชาเหมือนไม่มีความรู้สึก ต้องใช้เวลาสักพักในการปรับตัว เวลาเขาห้องน้ำก็ลำบาก แต่ชุดเรนเจอร์ผู้ชายถอดแค่ 2-3 ชั้น จะมีซิปด้านหน้าสะดวกในการเข้าห้องน้ำ แต่เรนเจอร์ผู้หญิงต้องถอดหมด ลำบากกว่าเยอะ แล้วชุดนี้แพงมากครับ ตอนที่ใส่ครั้งแรก ผมก็เฮ้ยเราเป็นฮีโร่แล้ว เริ่มลองของไปต่อยนู่นนี่นั่น ทีมงานรีบวิ่งมาห้าม กลัวถุงมือเป็นรอย คือแค่ถุงมือก็ราคาพันกว่าเหรียญแล้วครับ พอถึงช่วงท้ายๆ ใกล้ถ่ายเสร็จ ชุดก็เกือบพังพอดี ใช้งานคุ้มค่าสุดๆ”
“นอกจากประสบการณ์ดีๆ ได้มิตรภาพความเป็นเพื่อนกับนักแสดงที่มารับบทอีก 4 ฮีโร่แล้ว พาวเวอร์เรนเจอร์ทำให้ผมได้เรียนรู้คำว่า Movie Magic อย่างแท้จริง อ๋อ… ความอัศจรรย์ของการทำหนังคือทีมงานทุกคนคนมีความเชื่อ ความทุ่มเท และวิสัยทัศน์ร่วมกันจนก่อให้เกิดผลงานที่ดีออกสู่สายตาคนดู ผมอยากให้ทุกคนได้มาดูหนังเรื่องนี้นะครับ เพราะมากกว่าการเป็นหนังฮีโร่ พาวเวอร์เรนเจอร์ยังสอนให้เราเข้าใจถึงพลังของมวลชน “Together we are more” ยิ่งเรารวมกันเป็นหนึ่งเดียว ยิ่งเรามีความสามัคคี เราก็จะแข็งแกร่งและผ่านอุปสรรคไปได้ และไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไร ผมเชื่อว่าความเป็นเด็กยังมีอยู่ในตัวคุณเสมอ หนังเรื่องนี้จะปลุกความเป็นเด็กในตัวคุณให้กลับมาสดใสอีกครั้ง สำหรับคนไทยในปีที่ผ่านมาได้สูญเสียในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้ซึ่งเปรียบเสมือนผู้นำและเป็นไอดอลของคนไทย” แม้พระองค์ท่านจะไม่อยู่แล้ว ผมเชื่อว่าสิ่งที่พระองค์ท่านทำมาตลอดพระชนชีพ จะเป็นต้นแบบให้เรามุ่งมั่นที่จะเป็นคนดี และทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม ทุกคนเป็นฮีโร่ได้ ตอบแทนพระองค์ท่านได้ ขอเพียงแต่คุณยึดมั่นในความดี ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ต้องการจะสื่อความหมายนี้เช่นกันครับ”
อ่านบทสัมภาษณ์เต็มๆ ได้ที่ สุดสัปดาห์ ฉบับ 1 มีนาคม 2560
เรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ
10 เรื่องน่ารู้+น่ารักของ บัวขาว ที่เราอาจไม่รู้
O-Negative คุยเรื่องโหด ซึ้ง ฮา ประสาเพื่อนกลุ่มโอ
แม่ก็คือแม่! เต้-ปิยะรัฐ ผู้สร้าง The Face ให้แซ่บพริกหมดสวน