มีเรื่องเล่าสุดแสนประทับใจ จากคนที่ได้เข้าเฝ้าฯ และใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาให้เราได้อ่านกันบ่อยๆ ครั้งนี้จึงขอรวบรวม 5 เรื่องเล่าเกี่ยวกับ ในหลวง รัชกาลที่ 9 มาให้อ่านกันอีกครั้ง
เรื่องเล่าเกี่ยวกับ ในหลวง
เสียงปริศนา
ในวันเสด็จพระราชดำเนินกลับประเทศสวิตเซอร์แลนด์เพื่อทรงศึกษาต่อ ขณะที่ประทับรถพระที่นั่งไปสู่สนามบินดอนเมือง พระองค์ทรงได้ยินเสียงตะโกนดังๆ ว่า “ในหลวง อย่าทิ้งประชาชนนะ” ทำให้ทรงนึกตอบบุคคลผู้นั้นในพระราชหฤทัยว่า “ถ้าประชาชน ไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้วข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนอย่างไรได้” เป็นที่น่าประหลาดว่า ต่อมาอีกประมาณ 20 ปี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงพบชายที่ร้องตะโกนทูลพระองค์ไม่ให้ทิ้งประชาชนนั้นเป็นพลทหาร และออกไปทำนาอยู่ในต่างจังหวัด เขากราบบังคมทูลสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ไม่ทรงทิ้งราษฎร เขาทูลว่า ตอนที่เขาร้องไปนั้น เขารู้สึกว้าเหว่ และใจหายที่เห็นพระเจ้าแผ่นดินจะเสด็จฯ ไปจากเมืองไทย กลัวจะไม่เสด็จฯ กลับมาอีก เพราะคงจะทรงเข็ดเมืองไทย เห็นเป็นเมืองที่น่ากลัว น่าสยดสยอง เขาดีใจมากที่ได้เฝ้าฯ อีก กราบบังคมทูลถามว่า “ท่านคงจำผมไม่ได้ ผมเป็นคนร้องไม่ให้ท่านทิ้งประชาชน” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรับสั่งถามว่า “เราน่ะรึที่ร้อง” “ใช่ครับ ตอนนั้นเห็นหน้าท่านเศร้ามาก กลัวจะไม่กลับมา จึงร้องไปเหมือนคนบ้า” พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจึงทรงตอบ “นั่นแหละ ทำให้เรานึกถึงหน้าที่ จึงต้องกลับมา”
อยากรู้เหมือนกัน
เมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีมีพระชนมายุ 8 พรรษา ทรงทูลถามพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ว่า
“ข้าวสาร 1 กระสอบมีกี่เม็ด?”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงอธิบายว่า ข้าวสาร 1 กระสอบมีน้ำหนัก 100 กิโลกรัม..กิโลกรัมหนึ่งมีเครื่องชั่งวัดได้ 10 ขีด ดังนั้นก็เอาภาชนะไปตวงข้าวสารมาชั่งได้ 1 ขีด..แล้วนับข้าวสารที่ตวงมานั้นว่ามีกี่เม็ด…แล้วก็เอา 10 คูณ…เสร็จแล้วก็เอา 100 คูณผลลัพธ์อีกที…ก็จะได้จำนวนเมล็ดข้าวสารใน 1 กระสอบ
สมเด็จพระเทพฯ ทรงทูลว่า “ไม่อยากรู้แล้ว”
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 จึงทรงสอนว่า…ไม่ได้หรอก หากถามก็แสดงว่าอยากรู้ ดังนั้นจงไปทำการหาข้าวสารมาตวงและนับเสีย เมื่อได้ผลเป็นอย่างไรให้มาบอกด้วยว่าข้าวสาร 1 กระสอบมีกี่เม็ด?…
..เพราะว่าก็อยากรู้เหมือนกัน
ตัวยึกยือ
มนูญ มุกข์ประดิษฐ์ รองเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 อดีตเลขาธิการ สำนักงานกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เล่าว่า
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จพระราชดำเนินด้วยพระบาทเข้าไปในป่ายาง ท่ามกลางฝนตกหนัก โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ตามรอยพระยุคลบาทไปไม่ห่าง ค่ำวันนั้น ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินกลับพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ขบวนรถยนต์พระที่นั่งได้หยุดลงอย่างกะทันหันโดยไม่ทราบสาเหตุเป็นเวลาหลายนาที ถามไถ่ได้ความภายหลังว่า ยังมีทากหลงเหลือ กัดติดพระวรกายอยู่อีก เมื่อรู้สึกพระองค์ จึงได้ทรงหยุดรถยนต์พระที่นั่งและรับสั่งให้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ช่วยจับทากออกจากพระวรกาย ทรงตรัสมาทางวิทยุว่า “หยุดขบวนสักประเดี๋ยว ขอหยุดจับตัวยึกยือก่อน” ปรากฏว่ามีอยู่ตัวหนึ่งติดพระศอ ทรงปลิดออก ทรงปล่อยตัวทากลงข้างทาง ทรงตรัสแบบอารมณ์ขันว่า “โถ..เขามาขอทาน ขอเลือดไปถึงสองซีซี ให้เขาไปเถอะ”
พับเพียบ
รองศาสตราจารย์ ดร.สุธี อักษรกิตติ์ ผู้สนองพระราชดำริ ในโครงการระบบสื่อสารสายอากาศ และอิเล็กทรอนิกส์ เล่าว่า
ในครั้งแรก ผมทำงานตามพระราชดำริ โดยไม่ทราบว่าเป็นงานของพระองค์ จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนบอกว่าให้เข้าไปในวังด้วยกัน และให้นำระบบสายอากาศชนิดใหม่ขึ้นไปติดตั้ง ก็ไม่ได้คิดว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจะเสด็จฯ มา แต่ว่าแปลกใจทำไมอยู่ดีๆ เจ้าหน้าที่ที่กำลังติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ อยู่บนดาดฟ้าของพระตำหนักถึงปีนลงมา ทั้งๆ ที่งานยังไม่เสร็จ แท้ที่จริงพระองค์ท่านเสด็จฯ มายืนอยู่ข้างหลัง ผมเหลียวหลังไปมองนิดหนึ่ง ครั้นพอเห็นพระองค์ท่านก็ตกใจ เป็นอาการวูบขึ้นมาทันที นึกอยู่ในใจว่าใช่แล้ว ใช่แน่ๆ เพราะคิดว่าเหมือนในรูป ผมก็รีบทำความเคารพ แล้วก็ทำอะไรไม่ถูก
สิ่งที่ผมจำได้คือเราต้องอยู่ต่ำกว่า จึงรีบคุกเข่าให้ต่ำลงมาเป็นเหมือนชันเข่า เพราะว่าตอนนั้นพระองค์ท่านประทับยืนอยู่ ถ้านั่งพับเพียบเลยก็จะต่ำเกินไป เพราะว่าผมต้องพูดอธิบายด้วย ปรากฏว่าพระองค์ท่านก็คุกเข่าลงไปด้วย ผมก็เลยนั่งพับเพียบให้ต่ำลงไปอีก พระองค์ท่านก็ทรงประทับพับเพียบเหมือนกัน เลยกลายเป็นว่าวันนั้นนั่งพับเพียบสนทนากัน 2-3 ชั่วโมง บนดาดฟ้าพระตำหนักในเวลาช่วงบ่ายที่ร้อนเปรี้ยง
เรานึกว่าเราชกเอง
หลังจบการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 1996 ที่เมืองแอตแลนต้า สหรัฐอเมริกา นายสมรักษ์ คำสิงห์ นักมวยสากลสมัครเล่น และเป็นนักกีฬาไทยคนแรกที่ได้รับเหรียญทองจากโอลิมปิกเกมส์ ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญทอง ครานั้นพระองค์ตรัสกับสมรักษ์ว่า
“เราดูสมรักษ์ชกวันนั้น เห็นสมรักษ์ถือรูปเราขึ้นเวที ชูมือ เรานึกว่าเราเป็นคนชกเอง พอสมรักษ์ชกชนะ เราก็เผลอตัวกระโดดโลดเต้นดีใจ จนข้าราชการผู้ใหญ่หัวเราะเรา เราก็เลยรู้สึกอาย เราก็เลยนั่งลง”
และเหรียญทองที่สมรักษ์ทูลเกล้าฯ ถวายนั้น เป็นเหรียญเดียวที่ทรงเก็บไว้ ต่อจากนั้นมา เมื่อนักกีฬาคนไหนจะทูลเกล้าฯ ถวายเหรียญ พระองค์จะพระราชทานคืน โดยคล้องคอให้กับนักกีฬาทุกคน
ข้อมูลจาก : happytoveryhappy.blogspot.com , panyayan.tnews.co.th , board.palungjit.org
ภาพจาก : board.palungjit.org , panyayan.tnews.co.th , storify.com , Anawat Kong-urgkara , We Love The King as King of Thailand , panyayan.tnews.co.th
อนึ่ง ในเดือนตุลาคมนี้ พสกนิกรทั่วหล้า ต่างน้อมรำลึกถึงในหลวงรัชกาลที่ 9 ทีมงานขออนุญาตเผยแพร่ข้อมูลและพระบรมฉายาลักษณ์ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวเกี่ยวกับพระองค์ท่านให้ดีที่สุด จึงกราบขอบพระคุณเจ้าของเรื่องราวและภาพ มา ณ โอกาสนี้
ติดตามอ่าน เรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติม
อาหารพระราชทาน เพื่อผู้ป่วย จากน้ำพระทัยถึงปวงชน
รวมภาพความรักความผูกพันของในหลวง ร.๙ กับ สมเด็จย่า
ปีติ พระองค์ทีฯ ทรงเป็นจิตอาสา ถวายสมเด็จปู่ ณ เยอรมนี (คลิกชมคลิป)
เรื่องของในหลวง ที่เราอาจไม่เคยรู้ : พระอัจฉริยภาพ