10 แนวทางสร้างชีวิตเปี่ยมสุข จาก คำสอนของพ่อ

Alternative Textaccount_circle
event

คำสอนของพ่อ

  • ยอมปิดทองหลังพระบ้าง อย่าคิดว่าทำดีแล้วไม่มีใครเห็นจะทำไปทำไม เพราะถ้าเราหมั่นทำความดีเงียบๆ อย่างสม่ำเสมอ ความดีที่เราทำไว้ สักวันสิ่งที่เราทำก็จะเผยออกมาให้เห็นเอง

โดยมีพระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 25 กรกฎาคม 2506 ตอนหนึ่งว่า “การปิดทองหลังพระนั้น เมื่อถึงคราวจำเป็นก็ต้องปิด ว่าที่จริงแล้วคนโดยมากไม่ค่อยชอบปิดทองหลังพระกันนัก เพราะนึกว่าไม่มีใครเห็น แต่ถ้าทุกคนพากันปิดทองแต่ข้างหน้า ไม่มีใครปิดทองหลังพระเลย พระจะเป็นพระที่งามบริบูรณ์ไม่ได้”


  • การจะทำงานให้สำเร็จ ต้องอาศัยความร่วมมือกัน อย่าเกี่ยงว่าใครรับงานมา อย่าคิดว่าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง ต้องมีการร่วมมือกันจากทุกฝ่าย งานจะได้สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี

ดังพระบรมราโชวาท ในโอกาสพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์แก่ข้าราชการ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน 22 กรกฎาคม  พ.ศ. 2513 ตอนหนึ่งที่ว่า ”…การที่จะทำงานเพื่อความมั่นคงและก้าวหน้านั้น มิใช่ว่าจะก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของแต่ละคนเท่านั้น จะต้องมีความร่วมมือสัมพันธ์กันระหว่างหน่วยงานทุกหน่วย เพื่อให้งานรุดหน้าไปพร้อมเพรียงกัน…”


  • รู้จักประมาณตน เพื่อที่จะได้รู้กำลังตัวเองว่าไหวที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือเปล่า และยังทำให้เราขวนขวายที่จะพัฒนาตัวเอง ให้มีความสามารถและศักยภาพมากกว่าที่มีอยู่ได้ด้วย

ดังพระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 18 กรกฎาคม 2541 ตอนหนึ่งว่า “การรู้จักประมาณตนนี้ จะทำให้คนเรารู้จักใช้ความรู้ความสามารถที่มีอยู่ได้ถูกต้อง เหมาะสมกับงาน และได้ประโยชน์สูงสุดเต็มตามประสิทธิภาพ ทั้งยังทำให้รู้จักขวนขวายศึกษาหาความรู้และเพิ่มพูนประสบการณ์อยู่เสมอ เพื่อปรับปรุงส่งเสริมศักยภาพที่มีอยู่ในตนเองให้ยิ่งสูงขึ้น”


 

  • ความดี ทำยาก แต่ก็ต้องทำ แม้จะขัดแย้งกับความรู้สึกลึกๆ ในใจไปบ้าง แต่ถ้าหากทุกคนทำตามใจและความต้องการของตัวเอง อาจจะเผลอทำความชั่วได้ และส่งผลให้สังคมและบ้านเมืองวุ่นวาย ไม่สงบสุข ทุกคนจึงควรหมั่นทำความดีไว้ เพื่อให้สังคมน่าอยู่

โดยมีพระบรมราโชวาท ในพิธีพระราชทานกระบี่และปริญญาบัตรแก่ว่าที่ร้อยตำรวจตรีฯ โรงเรียนนายร้อยตำรวจฯ 10 มีนาคม 2529 ความว่า “การทำความดีนั้น โดยมากเป็นการเดินทวนกระแสความพอใจและความต้องการของมนุษย์ จึงทำได้ยากและเห็นผลช้า แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ ความชั่วซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่ แล้วจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว”


  • ใช้ชีวิตแบบพอเพียง ไม่ใช่ว่าต้องทำไร่ทำนา หรือทำการเกษตร แต่ถ้าผลิตอะไรก็ผลิตให้พอใช้ ไม่มากเกินไป หรือถ้ามีเงินเดือน ก้ใช้ให้พอดี ถ้าจะกู้เงิน ก็ต้องกู้ให้เกิดประโยชน์ อย่าให้ตัวเองลำบาก หรือเป็นหนี้เกินกำลัง ถ้าใช้เท่าที่เรามี เราก็จะมีความสุข

ดังพระราชดำรัสในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 4 ธันวาคม 2540 ความว่า “ …ความพอเพียงนี้ ไม่ได้หมายความว่าทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัว จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างนั้นมันมากเกินไป แต่ในหมู่บ้านหรือในอำเภอ จะต้องมีความพอเพียงพอสมควร บางสิ่งบางอย่างที่ผลิตได้มากกว่าความต้องการ ก็ขายได้แต่ในที่ไม่ห่างไกลเท่าไหร่ ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก….มีเงินเดือนเท่าไหร่ จะต้องใช้ภายในเงินเดือน..กู้เงินนั้น เงินจะต้องให้เกิดประโยชน์ มิใช่กู้สำหรับไปเล่น ไปทำอะไรที่ไม่เกิดประโยชน์….”

 

ภาพจาก m.prachachat.net , oknation.nationtv.tv , www.komchadluek.net
TEXT : Ploychompoo

 

เรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆ

๒๐ พระราชดำรัส ในดวงใจ ไม่ว่านานแค่ไหน คำสอนของพ่อยังคงจริงเสมอ

เรียกสติ เตือนใจจากคำสอนของพ่อ

9คำสอนของพ่อ : ความสุขในชีวิต

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up