หมอหล่อ บอกต่อด้วย #เห็นแล้วใจละลาย

Alternative Textaccount_circle
event
เบรฟ-ธรรศ อัศวะอํานวย
ปี 2 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

หมอหล่อ น่ารัก เรียนดี ฝีเท้า (เตะบอล) เด็ด เรียกว่าครบสูตรเพอร์เฟ็กต์แมน และเป็นอนาคตของชาติที่แท้ทรู

หมอหล่อ

“มีเหตุการณ์ที่จุดประกายให้อยากเป็นหมอคือ ช่วงที่ใกล้ๆ จะสอบเข้า ม.4 ที่เตรียมอุดมฯ แขนขวาผมหัก เพราะเล่นบาสก่อนสอบหนึ่งเดือน เป็นหนึ่งเดือนที่ผมแพลนชีวิตไว้หมดแล้วว่า ต้องเรียนพิเศษ อ่านหนังสือเตรียมสอบ ผมเครียดมาก นั่งร้องไห้ เล่าให้หมอฟังว่า เตรียมตัวจะไปสอบที่เตรียมอุดมฯ อยากจะสอบเข้าแพทย์ ไหนจะต้องไปเรียนพิเศษ  จะทําอะไรก็ลําบาก กลัวจะฝนคําตอบลงกระดาษคําตอบไม่ได้ หมอก็ทั้งอธิบาย และปลอบว่าทําได้ แต่อาจจะลําบากนิดหนึ่ง ถึง ม.ปลายจะไม่ได้เรียนที่นี่ ก็ไม่ได้หมายความว่า จะสอบเข้าหมอไม่ได้ ถ้าเราตั้งใจเรียนที่ไหนก็สอบติด คือหมอพยายามพูดไม่ให้ผมเครียด โมเมนต์นั้นผมรู้สึกว่า หมอไม่ได้รักษาแค่แขนผมที่หัก แต่ยังดูแลจิตใจ และให้กําลังใจผมด้วย

“ยิ่งมาสอบติดที่เตรียมอุดม ฯ ก็ยิ่งทําให้เป้าหมายของผมชัดเจนมากขึ้น เพราะเพื่อนๆ ที่อยู่กลุ่มเดียวกันหลายคนตั้งใจสอบเข้าหมอ และอ่านหนังสือกันสม่ำเสมอ เลิกเรียนก็ไปเรียนพิเศษ กลับบ้านมาอ่านหนังสือ วันละสองชั่วโมง ถึงจะดูเป็นเด็กเรียน แต่ผมก็ทํากิจกรรมอื่นๆ นะครับ (ยิ้ม) พักบ้าง เพื่อไม่ให้สมองล้าหรือเครียดเกินไป ผมเป็นนักฟุตบอลโรงเรียน แต่บาสนี่เลิกเล่นเลย เพราะแขนเหมือนไม่ค่อยมีแรงแล้ว พอเข้ามหาวิทยาลัย ผมก็เตะบอลให้งานเฟรชชี่ของคณะ ลงแข่งกีฬา 7 เส้า งานกีฬารวมคณะสายแพทย์ ทันตะฯ –พยาบาล สาธารณสุข ปีที่แล้วได้แชมป์ด้วยนะครับ (ยิ้ม)

หมอหล่อ

“ตอนนี้ผมขึ้นปี 2 แล้ว เพิ่งกลับมาจากค่าย ไปลงชุมชนที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อศึกษาดูงานว่า วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านเป็นอย่างไร เราจะได้รู้ว่า คนไข้ที่เขามาหาหมอมีแบ็กกราวนด์มาอย่างไร บางคนอาจจะไม่ได้มาด้วยอาการเจ็บป่วยทางร่างกายอย่างเดียว อาจจะมีปัญหาทางด้านจิตใจ หรือปัญหาครอบครัว ซึ่งเหล่านี้มันก็ส่งผลถึงสุขภาพด้วยเช่นกัน

“ประสบการณ์ลงชุมชน 9 วันเป็นสิ่งที่ดีมาก เราไปอยู่ที่วัด ตื่นเช้ามากินข้าว แล้วก็จะจับกลุ่มย่อย 10 คนนั่งรถตู้เข้าไปในชุมชนตามหมู่บ้าน ช่วยคุยสร้างความคุ้นเคยกันก่อน ถามชื่อ อยู่กับใคร ทําอาชีพอะไร ปกติมีโรคประจําตัวไหม เจ็บป่วยด้วยโรคอะไร ผ่านไปสักสี่ห้าวัน ค่อยถามเชิงลึกมากขึ้น เพื่อโยงเข้ากับอาการเจ็บป่วย มีเรื่องเครียดอะไรไหม ทํางานหนักมากไปหรือเปล่า โรคที่พบเยอะที่สุดคือ เบาหวานกับความดัน และเนื่องจากชุมชนนี้มีอาชีพหลักคือ เกษตรกรรม ทํานากันตั้งแต่สมัยหนุ่มสาว พออายุมากขึ้นก็จะมีเรื่องปวดข้อ เข่าเสื่อม

“ถึงผมจะยังไม่ได้รักษาอย่างจริงจัง แต่การไปลงชุมชนก็ทําให้รู้ว่า นอกจากต้องการหมอที่มารักษาอาการเจ็บป่วยแล้ว เขายังต้องการหมอที่เข้าใจ และพร้อมจะอธิบายในสิ่งที่เขาไม่รู้ด้วย เขาบอกว่าบางทีหมอก็ดุ บางทีหมอดูเหมือนไม่ค่อยสนใจ ผมเข้าใจทั้งสองฝ่ายนะครับ เข้าใจคนไข้ด้วย เห็นใจคุณหมอด้วย ก็พยายามอธิบายลุงป้าน้าอา ให้เห็นอีกมุมว่า ในแต่ละวันหมอหนึ่งคนต้องรักษาคนไข้หลายคน บางครั้งเจอคนไข้มากเกินไป หมออาจจะเหนื่อย เครียดบ้าง แต่ลึกๆ แล้วหมอทุกคนมีความตั้งใจ ที่จะรักษาคนไข้ให้หายป่วยเหมือนกันหมด

“นอกจากความรู้และข้อมูลที่ได้กลับมาศึกษาต่อแล้ว ผมยังเจอเรื่องประทับใจมากมาย ตอนแรกผมก็กังวล ว่าชาวบ้านจะต้อนรับ หรืออยากคุยกับนักศึกษาแพทย์อย่างพวกเราไหม จะคุยด้วยหรือเปล่า แต่พอไปถึง ชาวบ้านทุกคนเฟรนด์ลี่มากๆ เวลาเราพูดคุยเสร็จต้องขอตัวกลับ เกือบทุกบ้านจะถามว่า ‘จะไปแล้วเหรอ จะกลับมาอีกไหม’ ผมก็ตอบกลับไปว่า  ต้องกลับมาอีกครับ ปีหน้าก็จะมาอีก(ยิ้ม) และที่สําคัญ ผมประทับใจอาจารย์ประจํากลุ่ม ด้วยความที่เราเพิ่งอยู่ ปี 2 อาจารย์จะเดินตามกลุ่มไปกับนักศึกษาด้วย เวลาไปเจอชาวบ้านที่เจ็บป่วย อาจารย์ก็จะช่วยตรวจเบื้องต้น พร้อมให้คําแนะนํา ทําให้เราได้เห็นการปฏิบัติจากอาจารย์ ได้เห็นฟีดแบ็กที่ดีจากชาวบ้าน ก็ยิ่งทําให้ผมได้แรงบันดาลใจ อยากตั้งใจเรียนเพื่อจะได้เป็นแพทย์ที่ดี

“หลังจบปี 6 และใช้ทุนเรียบร้อย แล้วผมแพลนว่า อยากเรียนต่อเฉพาะทางด้านกระดูก เดาได้ใช่ไหมครับ (ยิ้ม) เพราะเราเคยมีความทรงจําจากที่แขนหักมาก่อน แต่ก็ต้องรอดูเกรดเฉลี่ย และขอคําแนะนําจากอาจารย์ด้วยอีกทางหนึ่ง

“สําหรับผมสิ่งที่สําคัญคือ แรงบันดาลใจกับจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน ถ้ามีสองอย่างนี้ทุกอย่างจะง่ายมาก ถึงแม้ตอนอ่านหนังสือจะเหนื่อย จะเครียดแค่ไหน มันจะมีบางอย่างคอยผลักดันให้เราไปต่อ ถ้ามาด้วยใจที่อยากเป็นหมอจริงๆ การเรียนแพทย์ตลอด 6 ปี ต่อให้หนักเราก็จะมีความสุข ผมภูมิใจมากที่ได้เป็นนักศึกษาแพทย์ รู้สึกว่าตัวเองโตขึ้น มีเป้าหมายแล้วว่าเราจะทําประโยชน์เพื่อสังคม เพื่อคนอื่นได้อย่างไร ผมอยากเป็นแพทย์ที่ดีอีกคนหนึ่งให้เมืองไทยของเราครับ”
แมค-นนทกร ศิริสุทธิเดชา
ปี 3 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เห็นมาดนิ่งๆ ดูสุขุม หนุ่มคนนี้ไม่ได้มุ่งมั่นแค่วิชาการแพทย์เท่านั้นนะ แต่เข้าข่ายเรียนดีกิจกรรมเด่นอีกต่างหาก ว่าที่หมอหล่อคนนี้ งานดีจริงๆค่ะคุณ

หมอหล่อ

“แรกเริ่มผมสนใจอยากเรียนสถาปัตย์มากกว่าครับ แต่มาเปลี่ยนใจตอน ม.5 – ม.6 เพราะมีโอกาสได้ไปOpen House คณะแพทยศาสตร์ มีรุ่นพี่นักศึกษาแพทย์มาแนะนําว่า คณะแพทย์เรียนยังไง เรียนอะไรบ้าง ได้ไปเห็นอาจารย์ใหญ่ ไปยืนฟังรุ่นพี่อธิบายว่า ตรงนี้เรียกว่าอะไร ตรงนั้นเรียกยังไง ตอนนั้นผมยังไม่เข้าใจหรอกครับ และยังไม่ทันรู้สึกกลัวอาจารย์ใหญ่ด้วย แต่กลับรู้สึกสนใจอยากที่จะเรียนคณะนี้ขึ้นมาเลย สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกวันนั้นคือ อาชีพหมอเป็นอาชีพที่มีเกียรติ ได้ใช้ความรู้เพื่อช่วยเหลือคนอื่น ไม่ใช่เพื่อตัวเองอย่างเดียว ซึ่งจริงๆอาชีพอื่นก็ช่วยเหลือมวลชนได้เหมือนกันนะครับ แต่หมอน่าจะเป็นอาชีพที่เราเห็นภาพชัดเจนที่สุด

“ทีนี้เนื่องจากตอน ม.4 ผมไปเรียนวาดรูปเพื่อนํามาสอบสถาปัตย์ พอเปลี่ยนเป้าหมาย ก็เหมือนเราเริ่มช้ากว่าคนอื่นไปหนึ่งปี ม.5 จึงอ่านหนังสือหนักพอสมควร ไปกวดวิชาคณิตศาสตร์กับชีวะเพิ่ม บางวิชาไม่เรียนก็ต้องกลับบ้านมาอ่านเอง  ผมบอกพ่อกับแม่ว่าจะเรียนหมอ ก็ตอนใกล้จะไปสอบแล้ว พอสอบติดท่านก็ดีใจครับ

หมอหล่อ

“พอเข้ามาปี1 ยังเรียนไม่ค่อยหนักเท่าไร เพราะส่วนใหญ่คือวิชาพื้นฐาน ของจริงคือ ปี2 ครับ เน้นเรียนวิชาแพทย์เพียวๆ เลย ผมอ่านหนังสือค่อนข้างหนัก พยายามแบ่งเวลาเรียน อ่านหนังสือ และทํากิจกรรม ให้ลงตัว เพราะไม่อยากอยู่กับตําราอย่างเดียว ผมก็เหมือนวัยรุ่นทั่วไป ไปดูหนัง ฟังเพลง แฮ้งเอ๊าต์บ้าง และทํากิจกรรมในมหาวิทยาลัยด้วย ตอนปี 1 ผมเป็นลีดคณะและเป็นประธานค่ายครับ

“ปี 3 ผมยังไม่ได้เรียนและฝึกกับผู้ป่วยจริง ต้องรอปี4 – ปี6 ครับ แต่ที่ผ่านมาก็มีโอกาสได้ไปพูดคุยกับคนไข้ มีฝึกเจาะเลือด ตรวจความดัน โดยการจับคู่กับเพื่อนแล้วผลัดกันเจาะ ครั้งแรกตื่นเต้นมาก กลัวพลาดทําเพื่อนเจ็บ ถ้าพลาดก็ต้องเจาะใหม่ จนกว่าจะได้เลือดไปส่งอาจารย์ ก็ต้องตั้งสมาธิดีๆครับ ตอนแรกที่ทิ่มเข็มเข้าไป ผมพลาดไปนิดหนึ่ง เลือดกระเด็นออกมาข้างนอกนิดหน่อย ซึ่งจริงๆ มันต้องไหลเข้าหลอด ผมตกใจมาก แต่อาจารย์บอกว่าไม่เป็นไร เจาะต่อให้เลือดออกมาเข้าหลอดเลย ซึ่งช่วงที่เรียนเรื่องเจาะเลือด ก็เจาะกันทุกอาทิตย์เลยครับ ฝึกมือกันเรื่อยๆ พอชินก็ไม่ตื่นเต้นเท่าครั้งแรกๆ แล้ว

“นอกจากนี้ก็มีฝึกฟังหัวใจ จับชีพจร ฝึกปฐมพยาบาลเบื้องต้น และเรียนกับอาจารย์ใหญ่ ช่วงปี2 – ปี 3 เป็นวิชากายวิภาค อวัยวะส่วนนี้เป็นยังไง ท่องส่วนประกอบของกล้ามเนื้อเส้นเลือด ถ้าผ่าออกมาแล้วผิวเป็นยังไง ผ่าเอาหัวใจ ปอดออกมาศึกษา ซึ่งวันที่ต้องเรียนกับอาจารย์ใหญ่จริงๆ ผมไม่กลัวนะ ภูมิใจที่ได้เรียนกับท่าน  เพราะท่านก็เป็นเหมือนอาจารย์ของเราคนหนึ่ง ที่ให้เกียรติ และอุทิศร่างกาย เพื่อมาเป็นอาจารย์ของนักศึกษาแพทย์ ดังนั้นเราต้องตั้งใจเรียน และวันนี้ที่ผมได้เป็นนักศึกษาแพทย์ ผมก็มีโอกาสเป็นรุ่นพี่คุมฐานอาจารย์ใหญ่ในวัน Open House ได้ให้ความรู้กับน้องๆม.ปลาย เหมือนกับเมื่อ 5 ปีที่แล้วที่ผมเคยได้แรงบันดาลใจดีๆจากรุ่นพี่ เป็นความรู้สึกที่ดีมากเลยครับ

“ผมแพลนคร่าวๆ ไว้ว่าหลังจากเรียนจบปี6 และเป็นหมอใช้ทุนเสร็จเรียบร้อย อยากจะเรียนต่อเฉพาะทางเพื่อเป็นหมอผ่าตัด แต่ก็ต้องดูกันต่อไป เพราะพอขึ้นปี4 ปี5 ปี6 ได้ขึ้นวอร์ดครบทุกแผนก ได้เจอคนไข้จริงๆ ผมอาจจะค้นพบแนวที่ชอบจริงๆ ต่างจากที่แพลนไว้ก็ได้”

เน๋ง-ศรัณย์ นราประเสริฐกุล
ปี6 คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

มองแว่บแรกตกใจมาก! นึกว่าอีจงซอก หลุดออกมาจากซีรี่ย์ Doctor Stranger ซะอีก งานนี้สุดฯ อยากจะอวดให้โลกรู้ว่าสัตวแพทย์เมืองไทยตัวจริงเสียงจริงคนนี้ หล่อ เก่ง ไม่แพ้พระเอกในซีรี่่ย์เลยนะ

หมอหล่อ

“ตอนเด็กผมชอบดูสารคดีเกี่ยวกับสัตว์ อย่างเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก กับ แอนิมอลแพลเน็ตมาก และอีกอย่างคือคุณพ่อเป็นสัตวแพทย์ และเปิดคลินิกรักษาสัตว์ด้วย ผมเลยได้เห็นคุณพ่อรักษาสัตว์มาตั้งแต่เด็กๆ วิ่งเล่นอยู่ในคลินิก เห็นหมาเห็นแมวใครก็ชอบเข้าไปเล่น ช่วยเก็บเงิน ช่วยหยิบของบ้าง บางทีป๊าจะคอยบอกว่า ตอนนี้กําลังทําอะไร แต่ตอนนั้นผมยังไม่รู้สึกชอบ หรืออยากจะเป็นสัตวแพทย์เลยนะ

“ความตั้งใจของผมตอนเรียน ม.ปลาย ตามประสาเด็กผู้ชายคือ ต้องเรียนวิศวะ ปรากฏว่า ช่วงน้ำท่วมเมื่อปี 54 ออกไปไหนไม่ได้ อยู่บ้านนิ่งๆ จู่ ๆ ก็มีเวลานั่งคิดว่า เราอยากเรียนวิศวะจริงๆ หรือเปล่า หรือแค่ตามเพื่อน หรือเรียนเพราะความเท่ มาได้ไตร่ตรองจริงๆ ก็รู้ใจตัวเองว่าเรารักสัตว์ สุดท้ายก็เลือกเรียนคณะสัตวแพทย์

“ผมเริ่มเข้าไปเรียนรู้งานในโรงพยาบาล ช่วงปิดเทอมตอนปี 2 เป็นการไป observe ว่า พี่หมอเขาทํางานกันอย่างไร ปี3-ปี4 ก็ดูในส่วนเชิงลึกขึ้นกว่าเดิม พอขึ้นปี5 และปี6 เรียนในคลาสปกติ และเข้าคลินิกด้วย เนื้อหาการเรียนเยอะมากครับ ต้องเรียนทั้งสัตว์เลี้ยง เช่น หมา แมว รวมถึงปศุสัตว์ จําพวกสัตว์เลี้ยงไว้กิน หมู ไก่ วัว และยังต้องเรียนเรื่องแมเนจฟาร์ม อาหารที่ทํามาจากเนื้อสัตว์ก็ต้องเรียน ฯลฯ

หมอหล่อ

“ตอนนี้ผมกําลังจะขึ้นปี6 ต้องขึ้นคลินิกมากขึ้น เรียนการรักษาเฉพาะทางมากขึ้น ซึ่งเฉพาะทางของสัตวแพทย์ ก็จะมีทั้งศัลยกรรมผ่าตัด หัวใจ ผิวหนัง ระบบประสาทตา ฯลฯ ได้ไปฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เป็นทีมงานสหกิจของคณะ คือช่วงปิดเทอม คณะจะส่งนักศึกษาสัตวแพทย์ ไปตามโรงพยาบาลที่มีคอนแท็กต์ เพื่อฝึกงานจริง รวมถึงเรียนรู้ว่า การทํางานของคลินิกข้างนอกเป็นอย่างไร

“ตอนนี้เท่าที่เจอเคสเจ็บป่วยแปลกสุดคือ ลูกสุนัขตัวหนึ่ง เป็นโรคหัวใจตั้งแต่กําเนิด ซึ่งทั่วไปควรผิดปกติแค่ตําแหน่งเดียว หรือสองตําแหน่ง แต่เจ้าตัวนี้ผิดปกติทั้ง 4 ตําแหน่งเลย เป็นเคสที่เจอน้อยมาก หมื่นตัวจะเจอสักตัว จุดนี้ก็ทําให้เราได้ศึกษาเคสแปลก ๆ ว่าโรคนี้สาเหตุและปัจจัยมาจากอะไร ไม่ใช่คนเท่านั้นนะครับ ที่จะเจ็บป่วยด้วยโรคที่รักษายาก  หมาแมวก็ป่วยในเคสที่รักษายากได้เช่นกัน

“ส่วนเคสประทับใจสุด เป็นช่วงที่ยังผมยังไม่ได้ขึ้นคลินิกจริง แต่เข้ามาคอยสังเกตการณ์ ซึ่งเหตุเกิดที่ห้องผ่าตัดโรงพยาบาลสัตว์ จุฬาฯ ผมต้องออกมาคุยกับเจ้าของ เขานั่งร้องไห้ด้วยความกังวล เพราะน้องหมาอาการหนัก เขากลัวหมาจะตายมาก ซึ่งผมเข้าใจนะ สัตว์เลี้ยงใครใครก็รัก สุดท้ายผลการผ่าตัดก็เรียบร้อยด้วยดี ผมออกมาพร้อมกับคุณหมอที่ผ่าตัดให้ พาน้องหมาออกมาส่ง เห็นเขาร้องไห้ไป ขอบคุณหมอไปด้วย ผมเองก็เกือบจะร้องไห้เหมือนกัน ตื้นตัน ดีใจไป ด้วยที่มันรอด วันนั้นเกิดความรู้สึกว่า สัตวแพทย์ไม่ได้รักษาแค่สัตว์นะ  แต่เรายังช่วยเยียวยาเจ้าของได้ทางหนึ่งด้วย

“การเรียนสัตวแพทย์ต้องอดทน ต้องฝึกฝน ไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ เช่น เจาะเลือดก็ต้องฝึก ยิ่งฝึกเยอะก็ยิ่งเก่ง เพราะสัตว์แต่ละตัวไม่เหมือนกัน เป็นที่รู้กันว่า อาจารย์ใหญ่มีความสําคัญกับนิสิตนักศึกษาแพทย์มากๆ นิสิตสัตวแพทย์ก็ได้เรียนกับอาจารย์ใหญ่สุนัข หรือแมวเช่นกัน โดยอาจารย์ใหญ่จะได้รับบริจาคจากเจ้าของสุนัขหรือแมวที่ตายแล้ว มอบให้คณะไว้เพื่อการศึกษา นิสิตทุกคนจะให้เกียรติและเคารพ ว่าเป็นอาจารย์ที่ให้ความรู้  ไม่ต่างจากนิสิตแพทย์ที่เรียนกับอาจารย์ที่เป็นคนเลยครับ

“ผมไม่ใช่เด็กเรียนหรือเด็กเนิร์ดเลย ค่อนข้างเป็นนักกิจกรรมด้วยซ้ำ เป็นคนชอบแฟชั่น (อันนี้จริง ถ้าไปดูในไอจีจะรู้ว่าเน๋งแต่งตัวเก๋มาก) ชอบถ่ายรูปมาก เล่นกล้องตั้งแต่มัธยม นอกจากนี้ ผมยังทํากิจกรรมตลอดปี1 เป็นจุฬาคทากร ซึ่งซ้อมหนักมาก พอปีถัดๆ ไป ผมก็เป็นรุ่นพี่คอย สอนน้องๆ จากนั้นก็เริ่มมีงานในวงการบันเทิงบ้าง เช่น เดินแบบงานแฟชั่นวีค ถ่ายแบบ ล่าสุดเป็นนักแสดงรับเชิญในซีรี่ย์ Make It Right The Series ภาค 2 ก็เป็นงานที่สนุกดี เป็นคนละด้านกับที่เราเรียนมา ซึ่งเวลารับงานผมจะยึดเวลาเรียนเป็นหลัก และเมื่อเรียนจบทํางานใช้ทุนแล้ว ผมมีแพลนเรียนเฉพาะทางด้านผ่าตัดกระดูก เพราะเคสสุนัขและแมวถูกรถชน เป็นเคสที่เกิดเยอะ และการซ่อมกระดูกเป็นสกิลที่ต้องฝึกฝนมาก ณ ตอนนี้ใจผมค่อนข้างเทมาทางรักษาสัตว์เลี้ยงแล้วละครับ”(ยิ้ม)

เรื่อง AuAi

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

5 นักร้องดัง หล่อ เลิศ โปรไฟล์ดี รู้แล้วจะว้าว!!

#หมอหล่อบอกต่อด้วย เจอหมอแบบนี้แล้วอยากป่วยเลยทีเดียว

รวม 5 หมอหล่องานดีที่เห็นแล้วอยากป่วย

ซีรีส์ หมอหล่อ ต้องส่งต่อความฟิน !!!

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up