MISSION 3 : ใส่ขาเทียมให้ โม่ชะ – โม่ตาลา
งานภาคบ่ายของอาสาสมัครฌอห์ณคือ การติดตามช่วย “หมอเก๋” ดูแลช้างที่ป่วยทุกเชือก พอเข็มนาฬิกาบอกเวลาบ่ายสองโมงเป๊ะ คุณหมอก็ส่งเสียงชักชวนให้ฌอห์ณเดินตามไปทีโรงช้าง โดยปกติแล้วที่โรงพยาบาลช้างจะมีเวลาใส่ขาเทียมให้ “โม่ตาลา” และ “โม่ชะ” วันละ 2 รอบ โดยรอบเช้าจะเริ่มใส่ตอนแปดโมงและถอดตอนเที่ยง แล้วกลับมาใส่อีกทีตอนบ่ายสอง ก่อนจะถอดประมาณห้าโมงเย็น เพื่อให้ทั้งสองเชือกพักผ่อน
การใส่ขาเทียมให้ช้างไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีเจ้าหน้าที่และควาญช่วยกัน 2 – 3 คน เพื่อยกขาเทียมน้ำหนักเกิน 20 กิโลกรัมไปในโรงช้าง โรยแป้งเด็กที่ขาช้างและข้างในขาเทียมเพื่อลดการเสียดสี ก่อนจะใส่ถุงน่องให้ขาข้างที่ขาด แล้วจึงสวมขาเทียมเข้าไป รัดให้แน่น และให้คุณหมอตรวจความเรียบร้อย
ซึ่งฌอห์ณเต็มที่กับภารกิจนี้มาก ขอเป็นคนยกขาเทียมไปให้และช่วยในทุกขั้นตอน ก่อนจะยืนมองเพื่อนช้างเดินออกจากโรงด้วยรอยยิ้มพร้อมกับบอกทีมงานว่า “ตอนใส่ขาเทียมเขาไม่ขัดขืนเลย เหมือนรู้ว่าใส่แล้วจะได้ออกไปเดินเล่น พอใส่เสร็จปุ๊บก็ก้าวเดินเลยทันที ทำให้ผมรู้ว่าไม่มีใครอยากป่วยหรือขาดอะไรไปหรอก แม้แต่ช้างก็เช่นกัน”
MISSION 4 : รักษาแผลเรื้อรังให้พี่ช้างพาทอ
หน้าที่หลักของมูลนิธิเพื่อนช้างคือ รักษาอาการเจ็บป่วยให้ช้างทุกเชือกโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเจ้าของจะพามารักษาด้วยอาการที่เกิดจากการดูแลไม่เหมาะสมและบาดเจ็บจากการโดนทารุณด้วยอุปกรณ์ฝึกบางชนิด
เชือกที่หมอเก๋และฌอห์ณต้องช่วยกันรักษาในวันนี้คือ “โม่พาทอ” ซึ่งเป็นแผลเรื้อรังที่หางและข้อเท้า ดังนั้นสิ่งที่ฌอห์ณต้องทำคือ ช่วยคุณหมอเตรียมยา และช่วยทำแผลให้พี่ช้าง
แม้จะดูงกๆ เงินๆ ไปบ้างแต่ฌอห์ณก็ตั้งใจมาก เทยาลงกระบอกฉีดจนครบตามปริมาณที่ต้องการ แล้วช่วยหมอเก๋ทำแผลให้โม่พาทออย่างกระฉับกระเฉงแบบไม่มีอาการกลัวเลยแม้แต่น้อย บอกให้ทำอะไรก็จัดให้ได้ดังใจทุกอย่าง ส่วนพี่ช้างก็ยืนนิ่งให้ทำแผลโดยดี ภารกิจนี้จึงผ่านไปได้อย่างฉลุยและเพอร์เฟ็กต์จนแม้แต่คุณหมอก็ยังยงนิ้วให้
อ่าน Mission สุดท้ายได้ที่หน้า 3 ค่ะ