ผู้ชายหลากมุมชื่อ โอ๊ต ปราโมทย์ #ผมไม่ได้เอะอะก็หยาบคาย

Alternative Textaccount_circle
event

โอ๊ต ปราโมทย์เป็นคนมีสีสันแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไรหรือเปล่า

ใช่ครับ คัลเลอร์ฟูลมาก โวยวายโหวกเหวก เป็นหัวโจกในกลุ่มเพื่อน เป็นแกนแกนนำในการทำนู่นทำนี่ตลอด

แล้วการเป็นนักร้องที่มีคนรู้จักเพลง แต่ไม่รู้จักตัวนักร้องมันน่าเศร้ามั้ย

เศร้านะ หลายคนชอบคิดว่าการเป็นนักร้อง ศิลปิน หรือดารานั้นสบาย ผมเคยโพสต์ในทวิตเตอร์ว่า “ไม่ชอบที่คนพูดว่าทำงานสบาย แป๊บเดียวก็ได้เงินแล้ว คนเหล่านั้นเขาไม่เคยรู้ว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง” ตอนนั้นคนมาด่าผมเต็มเลย บอกว่ามึงทำงานนิดเดียวก็ได้มากกว่ากูทำทั้งปีแล้ว ผมรู้สึกว่าทำไมเขาถึงใจแคบจัง เราก็พูดอยู่ว่าพี่ไม่รู้ไงว่าผมผ่านอะไรมาบ้าง ผมฝึกซ้อมมาขนาดไหน ผมต้องต่อสู้กับคนในวงการอีกเป็นร้อยเป็นพันคนกว่าจะโผล่ขึ้นมาเป็นที่ยอมรับของคนอื่น หรือมีเพลงสักเพลง มีอีเวนท์สักอีเวนท์ ซึ่งมันเป็นเรื่องยากสำหรับคนในวงการสมัยนี้

เราต้องยอมรับในแฟ็คท์ที่ว่า การทำเพลงสมัยนี้มันแทบไม่มีรายได้แล้ว เพราะไม่มียอดดาวน์โหลด ไม่มียอดคอลลิ่งเมโลดี้ ไม่มียอดริงโทน ไม่มียอดขายแผ่น เพลงขึ้นไอทูนส์ก็ไม่ถึงขนาดเลี้ยงตัวได้ ต่อให้เพลงขึ้นอันดับหนึ่งมันก็แค่หลักหมื่นบาท

อย่าคิดว่าวงการนี้มันหอมหวานหรือสวยหรูเลยครับ ทุกคนต้องปากกัดตีนถีบ ต้องสู้กว่าจะประสบความสำเร็จ บางคนท้อจนเลิกไปก่อน ผมเองก็เคยท้อจนเกือบจะเลิกทำ ตอนนี้แค่โอกาสในชีวิตมันเข้ามาเลยทำให้มีคนรู้จักผมมากขึ้น แต่ผมก็เคยอยู่ในจุดที่คนไม่รู้จักมาก่อน ถามว่าน้อยใจไหม ทุกคนมันน้อยใจหมดแหละครับ”

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำให้ดีที่สุดคือทุกคนควรซัพพอร์ตกันและกัน  ถ้าคุณไม่ซัพพอร์ตศิลปิน  ไม่ซัพพอร์ตงานในวงการบันเทิงใดๆ ก็ตาม…ทุกคนคงไม่อยากเห็นว่าวันหนึ่งประเทศไทยจะไม่มีเพลงฟัง วงการมันรันไม่ได้เพราะไม่มีเม็ดเงินลงมา ใครจะลงทุนถ้ารู้ว่าทำแล้วขาดทุน

ชื่อเสียงขึ้นมาก พอมองเห็นความเปลี่ยนแปลงในซิงเกิ้ลใหม่มั้ย

เห็นทั้งยอดวิว ทั้งฟีดแบ็คเวลาไปโชว์ อย่างตอนถ่ายเอ็มวี ก็มีนักข่าวมาเต็มไปหมด เทียบกับเมื่อก่อนที่ไม่มีเลย มันก็เป็นวิถีการทำงานของศิลปินที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมาก ถ่ายเอ็มวีเสร็จ ถึงเวลาก็ไปเดินสายตามสื่อ แต่พอเริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นพี่ๆ นักข่าวก็ใจดีมาช่วย มาเก็บสกู๊ปนู่นนี่นั่น เป็นเรื่องน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า จะให้เขามาดูเราทุกงานตอนที่ยังไม่มีคนรู้จักมันก็ลำบากหน่อยเพราะเขาก็ไม่รู้จะเอาข่าวไปขายใคร มันเป็นความจริงที่เราควรเข้าใจ

ถ้าจะบอกว่ารายการ The Boys เป็นอีกตัวแปรหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตเลยก็น่าจะพูดได้

เรียกว่าตัวแปรสำคัญเลย  เพราะก่อนที่จะมาทำรายการนี้ผมกำลังจะออกจากวงการแล้ว ผมคุยกับพิชญ์ พลอย พี่ๆ และแม่แล้วว่าจะกลับไปทำงานที่บ้านแล้ว จะเอาเรื่องในวงการเป็นเรื่องรอง

จนมาได้ทำรายการ The Boys เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ก่อนทำยอดฟอลโล่วในไอจีผมมีคนติดตามประมาณหนึ่งหมื่นหนึ่งพันคน ยอดติดตามในเฟซบุ๊กสามพัน แต่ผ่านไปหนึ่งปียอดในไอจีเพิ่มเป็นสองแสน เฟซบุ๊กขึ้นมาแสนหนึ่ง พอเข้าปีที่สอง ยอดในไอจีจากสองแสนเป็นสี่แสนจะห้าแสน ในเฟซบุ๊กเป็นสองแสนห้า มาพีคอีกทีตอนเล่นทวิตเตอร์ แค่วันแรกวันเดียวมีคนตามแปดหมื่นคน ผ่านไปหนึ่งวีคเพิ่มเป็นสองแสนคน จนตอนนี้ก็หกแสนแล้วทั้งๆ ที่เล่นก็ยังไม่เป็น

ในทวิตเตอร์ส่วนใหญ่จะเข้าไปสบถคำหยาบคายมากว่า แต่คนชอบ ผมก็ไม่รู้ว่าจุดนี้มันมาได้อย่างไร เขาอาจจะคิดว่าเราเป็นศิลปินไม่ควรพูดแบบนี้แต่เสือกพูดแบบนี้มั้ง ก็เลยชอบ หรือบ้านเมืองเราอาจจะเครียด เขาอาจะอยากฟังการพูดออกไปโดยไม่ต้องมานั่งเกร็งอีก

ไม่นานมานี้มีคนชมในทวิตเตอร์ว่า “ตัวจริงของโอ๊ตปราโทย์ที่เราสัมผัสคือผู้ชายจริงๆ ที่ตรงไปตรงมา ใจดี และสุภาพ เคยยืนส่ง FC ผู้หญิง 15 คนขึ้นแท็กซี่จนครบ”

ผมเปิดร้านกาแฟชื่อ People On Pause Café ที่วังหินซอย 8 กับพี่เป๊กวงซีล เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในวันที่น้องๆ มาเหมือนเลี้ยงวันเกิดกัน ผมเห็นว่าใกล้บ้านเลยขับรถออกไปหา ก็นั่งสังสรรค์เฮฮา บอกเขาว่ามื้อนี้พี่เลี้ยงเพราะถือว่าวันเกิดเขา ตอนจะกลับมันเที่ยงคืนกว่าแล้ว แล้วแถวนั้นมันเปลี่ยว แฟนคลับผมก็มีแต่ผู้หญิง ตอนแรกผมเดินมาหลังร้านจะขึ้นรถละ แต่เห็นเขายังยืนรอรถอยู่เลยบอกคนขับรถของผมให้รอ แล้วก็ไปยืนส่งจนเขาขึ้นแท็กซี่คันสุดท้าย

จริงๆ เขาก็ไล่ให้ไปนอนเพราะเห็นว่าผมเหนื่อย แต่ผมบอกว่าไม่เป็นไร เพราะบ้านใกล้ ถ้าเกิดอะไรกับเขาไม่ว่าโดนจี้ปล้น ความเสียหายมันมากกว่า เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่เราดูแลเขาได้ เขาไปรอผมตามงานต่างๆ มาก่อนเวลาสามสี่ชั่วโมงยังรอได้ นี่เราแค่เสียเวลาแค่ 20 นาทีส่งเขาให้ปลอดภัยทำไมจะทำไม่ได้

พูดถึงแฟนตัวจริงหน่อย

เขาเป็นน้องสาวเพื่อน ตอนแรกจีบไม่ติด ผ่านไปหนึ่งปีก็จีบใหม่ ผลคือจีบติด ตอนนี้คบกันมาประมาณ 10 ปีแล้ว สิ่งที่ทำให้ผมอยู่กับเขาได้นาน เป็นเพราะเขาไม่จู้จี้ ไม่ตาม ไม่ตื๊อ ให้อิสระ และเคารพในกันและกัน ผมเป็นคนที่อยู่กับใครตลอดเวลาไม่ได้ เพราะมีเพื่อน มีสังคม เวลาอยู่กับแฟนผมไม่แทบไม่พูด เพราะอยู่ข้างนอกผมพูดมาเยอะแล้ว พอเข้าบ้านมันเหมือนเซฟโหมด คือสับสวิทช์นิ่งเลย แฟนผมก็เข้าใจ เขาเป็นคนชิลๆ เหมือนกันเลยอยู่ด้วยกันได้

กับแฟนสาวแอร์โฮสเตสที่คบกันมานาน

คำถามสุดท้าย ถ้าให้แยกสารประกอบในตัวเองออกมา คิดว่าอะไรที่หลอมให้เราเป็นคนเป็นแบบนี้

สังคมครับ ผมอยู่ในสังคมทุกระดับตั้งแต่จนสุดยันรวยสุด ผมเข้ากับคนได้ทุกประเภท ไม่เคยรังเกียจเพื่อนสมัยมัธยมที่…สงกรานต์ผมยังสามารถขับรถไปกินเหล้ากับเพื่อนในสลัมหรือชายคลองได้ หรือจะไปดื่มเหล้าที่ซอยทองหล่อกับเพื่อนที่มีเงินก็ได้ ขอแค่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข แชร์คำพูด ความรู้สึก และประสบการณ์กัน

อย่างที่สองคืออารมณ์ ด้วยความเป็นศิลปินมันมีความอ่อนไหว ขึ้น ลง มีความสวิงได้ตลอด แต่ในความสวิงมันคือความโชคดีที่ทำให้ผมใส่ใจรายละเอียดของคนอื่น และแคร์ความรู้สึกคน เหมือนที่บอกตั้งแต่แรก เวลาพูดอะไรออกไปผมไม่ได้พูดเพื่อทำร้ายใคร แต่ทุกครั้งที่พูดผมจะใส่ความแคร์เข้าไปเสมอ อะไรที่จะทำให้เขาเสียความรู้สึกผมจะไม่พูด มันเลยทำให้ผมจดจำได้ว่าคนรอบตัวเขาชอบกินอะไร ชอบทำอะไร ชอบไปร้านอะไร ผมใส่ใจรายละเอียดของเพื่อนๆ ทุกคนครับ

ภาพ: สุดสัปดาห์ , oatpramote

อ่านเรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

สารพัดเรื่อง เจ้านาย ที่สะใภ้มโนต้องรู้

เจมส์-ธีรดนย์ ทุ่มสุดตัว! สวมบทคนเป็นโรคซึมเศร้า

ชีวิตหลังเป็นพี่ยิมของ ต่อ-ธนภพ ผมฆ่าไผ่-ฮอร์โมนได้แล้ว

คชา ซุกอะไรไว้ในกระเป๋า สุดฯ อาสาพาไปล้วง!

แอฟ-ทักษอร กุลสตรีไทย 2017 เธอคือนิยามผู้หญิงเพอร์เฟค

 

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up