พาราเซตามอล กินพร่ำเพรื่อ เสี่ยงตับพัง

Alternative Textaccount_circle
event

ใครเป็นโรคกลัวหมอบ้าง ยกมือขึ้น! เวลาเจ็บป่วยอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็จะชอบหาซื้อยามากินเองใช่มั้ยล่ะ และ พาราเซตามอล ก็เป็นหนึ่งในยาที่คนนิยมซื้อมากินเองมากที่สุด แต่รู้มั้ยว่าถ้ากินแบบพร่ำเพรื่ออาจส่งผลไปถึงการกินยาเกินขนาด การดื้อยา และอาจมีปัญหาสุขภาพจนถึงชีวิตได้เลยนะ! (แค่ยาพาราฯ น่ากลัวอะไรขนาดนี้เนี่ย!) ช่วงนี้มีกระแสเรื่องนี้อยู่ มาดูข้อมูลที่ถูกต้องจากเภสัชกรกันดีกว่า ว่าควรกินเท่าไหร่ถึงจะพอดีและไม่เป็นอันตราย

 

พาราเซตามอล ภัยแฝงในคุณประโยชน์

อันที่จริงแล้วยาพาราเซตามอลเป็นยาที่ค่อนข้างปลอดภัยและไม่ทำลายกระเพาะอาหาร คนก็เลยนิยมกินเพื่อรักษาอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ เช่น ลดไข้ อาการปวด แต่การกินยาตัวนี้มากเกินไปหรือใช้ติดต่อกันนานเกินไป เอะอะก็พาราๆ อาจก่อให้เกิดการสะสมพิษที่ตับได้ และรู้มั้ยว่า มีกลุ่มเสี่ยงกลุ่มหนึ่งที่ถึงแม้จะไม่ได้กินยาพาราฯ เกินขนาดก็มีโอกาสเกิดภาวะตับเป็นพิษและตับวายเฉียบพลันได้ มีใครบ้าง มาดูกัน

  • คนที่ติดเหล้าหรือดื่มเหล้าเป็นประจำ
  • คนที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคตับ
  • คนที่มีประวัติหรือมีโอกาสเป็นโรคไวรัสตับอักเสบ
  • คนที่กินยาชนิดอื่นเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว
  • ผู้สูงอายุ

เพราะกลุ่มคนเหล่านี้มักจะมีภาวะเนื้อเยื่อตับถูกทำลายและผิดปกติ โอกาสที่การทำงานของตับจะกลับคืนสู่สภาพปกติจะยากกว่าคนทั่วไป จึงทำให้มีโอกาสเกิดภาวะความเป็นพิษของยาต่อตับนั้นรุนแรงกว่าคนปกติ แม้ว่าไม่ได้ใช้เกินขนาดก็ตาม

พาราเซตามอล

 

กินพาราเซมอลแค่ไหนถึงจะพอดี

ปกติการกินยาพาราฯ เขาจะคำนวณจากน้ำหนักตัวเป็นเกณฑ์โ ดยขนาดยาที่เหมาะสม คือ 10 – 15 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ดังนั้นถ้าน้ำหนัก 50 กิโลกรัม ก็กินยาพาราฯ ได้ที่ครั้งละ 500-750 มิลลิกรัม แต่ถ้าน้ำหนักเยอะ คำนวณไปมาแล้วเกิน 1,000 มิลลิกรัมก็อย่าชะล่าใจนะ ให้กินแค่ที่ 1,000 มิลลิกรัมเท่านั้น

  • ผู้ใหญ่ให้กินวันละ 2 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง ห้ามกินเกินวันละ 4,000 มิลลิกรัม หรือ 8 เม็ด
  • ยาพาราฯ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่เม็ดละ 500 มิลลิกรัม ห้ามกินเกินครั้งละ 1,000 มิลลิกรัม หรือครั้งละ 2 เม็ด
  • ห้ามกินต่อเนื่องในเวลาที่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมง
  • กินได้ไม่เกินวันละ 4 ครั้ง เพื่อไม่ให้เกิน 4,000 มิลลิกรัม
  • ห้ามกินต่อเนื่องเกิน 7 วัน เพราะจะส่งผลต่อตับ

พาราเซตามอล

 

เอาจริงๆ นะ การกินยาพาราฯ ถ้าแค่ 2-3 วันแล้วอาการไม่ดีขึ้นก็ไม่ควรกินยาเองต่อไปแล้ว แต่ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูความผิดปกติของร่างกาย ที่สำคัญเวลาจะกินยาอะไรทุกครั้งควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเพื่อความปลอดภัย ร่างกายเรามีแค่ร่างเดียว ควรดูแลใส่ใจให้มากๆ นะคะ

 

ข้อมูลและภาพจาก บริษัท โพลีพลัส พีอาร์ จำกัด

 

เรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ

จัดการ สิวที่หลัง ตัวการขัดขวางผิวสวย

สิวอุดตัน ตัวการสำคัญทำหมดสวย

ควบคุมอาหาร หักโหมไปส่งอันตรายถึงสุขภาพนะ!!!

 

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up