เจมส์-ธีรดนย์ ทุ่มสุดตัว! สวมบทคนเป็นโรคซึมเศร้า

Alternative Textaccount_circle
event

แค่ปล่อยเทรลเลอร์ ซีรี่ส์ “SOS skate ซึม ซ่าส์ ” ข่าวว่ายอดวิวพุ่งไม่หยุด ยิ่งได้ดูของจริง EP.1 จนถึง EP.2 ก็ทำเอาคนดูทึ่งไปกับบทบาทการแสดงของ เจมส์-ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ ที่ตีบทคนเป็น โรคซึมเศร้า แตกกระจุยกระจาย คอมเม้นท์ชมกระหน่ำโลกโซเชียล ยิ่งดูก็ยิ่งพีค สุดฯ ดูแล้วอินมาก เลยนัดเจมส์มานั่งคุยถึงบทพิสูจน์ฝีมือครั้งนี้ว่า กว่าจะเป็น “บู” หนุ่มเนิร์ดที่ต้องต่อสู้กับโรคสุดแสนจะทรมานนี้ เขาซึมและซ่าส์ยังไงบ้าง

บทพิสูจน์ครั้งสำคัญของ เจมส์-ธีรดนย์ ใน “SOS skate ซึม ซ่าส์”

 

เจมส์-ธีรดนย์

ความรู้สึกหลังจากรู้ว่าต้องเล่นบทนี้

“ดีใจมากครับ อยากเล่น มันคือความท้าทายอย่างหนึ่ง ซึ่งผมรู้เลยว่างานนี้ไม่ง่าย “SOS skate ซึม ซ่าส์” เป็นการแสดงเรื่องแรก ที่พลิกคาแร็คเตอร์จากหน้ามือเป็นหลังมือของผม “บู” เป็นโรคซึมเศร้า โดยพื้นฐานส่วนตัวของบู เขาไม่มั่นใจตัวเอง ไม่เข้าสังคม ทางบ้านมีความพร้อมนะ แต่พ่อกดดันเรื่องเรียนมาก ที่โรงเรียนบูก็ไม่ค่อยมีเพื่อน สาเหตุมาจากตัวเขาเอง และกลุ่มเพื่อนที่ไม่เปิดรับ ด้วยเพราะบุคลิกบู ดูเป็นคนแปลก บางคนก็มองว่าเอ๋อ

จุดนี้มันทำให้ผมมองเห็นอีกมุมของสังคมมนุษย์ทุกวันนี้ว่ามีความ “Stereotype” อยู่ ทำไมถึงมองว่าคนๆ หนึ่งแปลก ด้วยเหตุผลที่เขาไม่เหมือนเราแค่นั้นเองเหรอ หรือเพราะเขาไม่เหมือนคนอื่นที่เราเคยเจอมา พอเขาแปลก จึงเลือกที่ไม่คุย ไม่คบ มันอาจจะเป็นส่วนหนึ่งทำให้คนๆหนึ่งเป็นโรคซึมเศร้าก็ได้ หรือถ้าเป็นอยู่แล้วอาจจะยิ่งจมเข้าไปอีก

พ่อกดดันเรื่องเรียนมาก คะแนนต้องได้ 80% ข้อสอบข้อไหนตอบผิด ให้คัดคำตอบที่ถูกให้เต็มสมุด

บูไม่มั่นใจที่จะทักทายใครถึงขนาดต้องซ้อมยิ้มหน้ากระจก

สรีระภายนอกเจมส์เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเลยนะ

ผมลดน้ำหนัก 8 กก. จากน้ำหนัก 60 กก. เหลือ 52 กก. ต้องลดเพราะบูเป็นโรคซึมเศร้าที่ไม่กินข้าว นอนไม่หลับ ซึ่งโรคซึมเศร้ามีหลายแบบ กินมากกว่าปกติก็มี กินน้อยกว่าปกติก็มี วิธีลดความอ้วนของผมคือ เช้ามากินกาแฟ กินข้าวมื้อเดียว  ถ้าวันไหนไม่ไหวก็ 2 มื้อ ลดฮวบแบบทิ้งกล้ามไปหมด มันไม่ใช่การลดแบบสุขภาพดีด้วยครับ ไม่ออกกำลังกาย ไม่กินคลีน เพราะไม่อย่างนั้นจะดูเฮลท์ตี้ ช่วงนั้นสมองผมชาไปหมด  เหนื่อยง่าย หงุดหงิดง่าย ทรมานมาก… บทนี้แลกมาด้วยน้ำหนัก สุขภาพ การเจ็บตัวจากสเก็ตบอร์ด และความเครียดที่ติดตัว ผมพูดได้เต็มปากเลยว่างานนี้ทุ่มสุดตัวให้หมดใจจริงๆครับ

นอกจากลดน้ำหนัก เตรียมตัวเป็น “บู” ยังไงอีกบ้างคะ

ฝึกสเก็ตบอร์ดอยู่เกือบปี ช่วงแรกเล่นเองคนเดียวที่ธรรมศาสตร์ เด็กสเก็ตบอร์ดเขาจะโอเพ่นมาก ถามอะไรก็จะคอยแนะนำ จากนั้นทีมงานก็หาครูมาฝึกให้ เรียนกระโดด ผมได้แผลเป็นจากเรื่องนี้เยอะมาก แขนพลิก ขาพลิก เข่าเจ็บ ในชีวิตไม่เคยมีส่วนใดในร่างกายหัก แต่เรื่องนี้ผมแขนหัก แล้วหักแบบไม่รู้ด้วย คิดว่าเคล็ด

เล่นเสร็จคืนนั้นผมไปญี่ปุ่น กลับมาเปิดเทอมไปเรียน ผ่านไป 10 วัน  เอ๊ะ! ทำไมปวดไม่หาย ไปเอ็กซ์เรย์ หักจ้า… เข้าเฝือกเลย อีกครั้งล้มหนักมาก เจ็บขาอยู่นานไม่หาย เพราะเราต้องถ่าย ต้องเล่น ต้องกระโดด มันเลยย้ำตรงที่เจ็บอยู่อย่างนั้น แต่ตอนนี้หายแล้วครับ ถึงแม้ตอนนี้จะถ่ายเสร็จแล้ว สเก็ตบอร์ดก็ยังเป็นกีฬาที่ผมอยากเล่นอยู่เรื่อยๆ

ยากมั้ยคะ

ยากมากครับ  แต่มันยากแค่สเต็ปแรก คือตอนขึ้นครั้งแรก ถ้าทรงตัวได้ก็จะเริ่มไถได้ ที่มันยากเพราะไม่ได้แค่ไถน่ะสิครับ มีทั้งการกระโดด เล่นท่า มันเป็นกีฬาที่ใช้ใจเยอะ ผมก็กลัวเหมือนกันนะครั้งแรกที่เล่น

สเก็ตบอร์ดของรักของบู

เมื่อสเก็ตบอร์ดเป็นเหมือนความหวังที่ช่วยให้ บู รู้สึกดีขึ้นจากโรคซึมเศร้า 

ซีนร้องไห้ เจมส์เล่นได้น่าสงสารมาก ต้องไปดูเองนะพีคทุกตอน

ยังไม่จบ!!! อ่านความพีคของหนุ่มเจมส์ต่อที่หน้าถัดไป

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up