นั่งรถไฟเที่ยวทั่วไทย ขบวนรถใหม่เด็ดยังไง เส้นทางไหนน่าโดน

Alternative Textaccount_circle
event

นั่งรถไฟไปไหนดี

เมื่อรู้จักรถไฟกันแล้ว อยากจะลองออกเดินทางไปตามรางดูสักครั้ง แต่ไม่รู้จะไปไหนดี สุดฯ มีเส้นทางแนะนำ ลองเลือกดูที่เที่ยวที่ถูกจริต แล้ววางแผนไปกันเลย

ไปเมืองรถม้า ลำปางหนา

จริงๆ แล้วรถไฟสายเหนือสามารถนั่งยาวไปได้ถึงเชียงใหม่ เมืองท่องเที่ยวในใจของหลายคน แต่ที่สุดฯ ชอบคือลำปาง เมืองเล็กๆ ที่น่ารักมาก หากไปโดยรถไฟสามารถลงที่สถานีรถไฟนครลำปางได้เลย อยากบอกว่าแค่ลงจากขบวนรถก็เหมือนได้ไปถึงสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว เพราะตัวสถานีจัดว่าสวย แถมยังมีมุมให้ถ่ายรูปเยอะด้วย ถ้ามีเวลาพักหลายวัน เที่ยวลำปางเสร็จแล้วแนะนำให้จับรถไฟต่อไปยังสถานีขุนตาน ลอดอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในประเทศ แล้วพักที่บ้านพักของการรถไฟสักคืน จากนั้นจะต่อรถไปถึงเชียงใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก

  • สถานีรถไฟนครลำปาง เป็นอาคารเก่าอายุนับร้อยปี ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมแห่งสมาคมสถาปนิกสยามฯ ให้เป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่น
  • วัดพระธาตุลำปางหลวงวัดคู่บ้านคู่เมืองนครลำปางที่ความงามไม่เป็นรองวัดไหนๆ ในเมืองเหนือ มีไฮไลท์คือการดูเงาประธาตุกลับหัว อีกทั้งยังเป็นวัดไม้ที่มีวิหารที่สวยสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย

  • กาดกองต้าตลาดเก่าที่มีอาคารโบราณสุดคลาสสิกด้วยสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างยุโรป จีน และพม่าให้ได้ชม นอกจากนี้ทุกคืนวันเสาร์และอาทิตย์ที่นี่ยังมีถนนคนเดินให้ได้ช็อปปิ้งสวยๆ กันด้วย

  • น้ำพุร้อนแจ้ซ้อน อาจจะไกลเมืองและไกลจากสถานีรถไฟอยู่สักหน่อย แต่ดีงามน่าไป มีธารน้ำแร่ที่เต็มไปด้วยเกาะแก่งโขดหินธรรมชาติ ทำให้เป็นแหล่งน้ำแร่ที่สวยมากแห่งหนึ่งของประเทศ ใครอยากอาบน้ำร้อนธรรมชาติก็มีห้องหับมิดชิดให้ได้แช่ หรือจะแค่จุ่มเท้าในลำธารอุ่นๆ ก็ได้เช่นกัน
  • นั่งรถม้าชมเมืองจุดเด่นของลำปางที่ไม่ควรพลาด หากไม่อยากเช่ารถ จะลองนั่งรถม้าเที่ยวก็เก๋นะ
  • อุโมงค์ขุนตานอุโมงค์รถไฟที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ยาวถึง 1,352.15 เมตร อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติดอยขุนตาล เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างลำปางกับลำพูน มุมสวยเก๋อีกมุมที่ต้องนั่งรถไฟไปถึงจะฟิน

  • บ้านพักบังกะโลขุนตาน บ้านพักทรงโรงนาแบบตะวันตก 3 หลัง ให้อารมณ์ยุโรปนิดๆ เปิดให้เข้าพักได้หลังละ 8-12 คน อยู่ห่างจากสถานีขุนตานราว 5 กิโล สายเดินชิลระยะทางแค่นี้สบายๆ
  • สะพานทาชมพูสวยแปลกตาจากสะพานรถไฟแห่งอื่น เพราะเป็นสะพานคอนกรีตสีขาว ตัดผ่านทุ่งนาสีเขียว หากนั่งรถไฟยาวไปเชียงใหม่ สามารถแวะลงที่สถานีทาชมพูเพื่อเก็บภาพสะพานสวยๆ แห่งนี้ได้

To Know

  • จะเดินทางไปลำปาง มีรถไฟให้บริการทั้งขบวนรถธรรมดา ขบวนรถด่วนพิเศษ และขบวนรถใหม่ อุตราวิถี เรตราคาก็แล้วแต่ประเภทรถ ถ้าเป็นรถนอนชั้นสองของขบวนอุตราวิถีค่าเดินทางอยู่ที่ 754-844 บาท ส่วนชั้น 1 อยู่ที่ 1,172-1,372 บาท เลือกได้ตามใจชอบและกำลังทรัพย์
  • หน้าสถานีรถไฟลำปางมีรถสองแถวให้บริการ แต่ถ้าอยากเที่ยวให้ครบและทั่วแบบเซฟเวลา แนะนำให้เช่ามอเตอร์ไซค์ หรือถ้าไปกันหลายคนเช่ารถยนต์ขับเที่ยวก็ดีนะ

 

ไปเที่ยววัดวัง และชุมชน ที่บางปะอิน

เที่ยวไม่ไกลกรุง นั่งรถไฟไปก็ได้นะ ใช้เวลาไม่นานแค่ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้ว ถ้าอยากไปไหว้พระดูเมืองเก่าที่อยุธยา ก็สามารถนั่งรถไฟสายเหนือหรือสายอีสานไปลงที่สถานีอยุธยาได้เลย แต่ที่อยากแนะนำคืออำเภอบางปะอิน ซึ่งมีพิกัดท่องเที่ยวครบทั้งวัง วัด และชุมชน ที่สำคัญคือสถานีรถไฟบางปะอินมีพลับพลาสถานีที่สวยและแฝงไปด้วยประวัติศาสตร์อันน่าสนใจ หากอยากจะไปมีรถไปสายเหนือเพียงไม่กี่ขบวนที่จอดรับส่งที่สถานีนี้ แต่ก็สามารถเลือกไปได้ในทุกช่วงเวลาของวันทั้งเช้า สาย บ่าย จะไปเช้าเย็นกลับหรือพักค้างคืนก็สามารถ เพียงแต่ต้องเช็คตารางรถไฟไปกลับให้ดี จะได้ไม่พลาดเรื่องการเดินทาง

  • สถานีรถไฟบางปะอิน หรือพลับพลาสถานีบางปะอิน เป็นสถานีรถไฟแห่งแรกที่สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานไปประทับที่พระราชวังบางปะอิน ตัวพลับพลาสวยงามสร้างด้วยไม้สักทั้งหลังตามแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกที่สำคัญเป็นสถานีรัชกาลที่ 5 เสด็จพระราชดำเนินไปทรงทำพิธีเปิดใช้งานในวันเดียวกับที่ทรงประกอบพิธีเปิดการเดินรถไฟไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2439
  • พระราชวังบางปะอินที่เที่ยวยอดฮิตของอำเภอบางปะอิน พระราชวังตากอากาศที่สวยจนใครๆ ก็อยากไปเยือนภายในร่มรื่นน่าเดินเที่ยว มีพระที่นั่งหลากหลายรูปแบบ ทั้งสถาปัตยกรรมแบบไทย จีน และแบบยุโรป

  • วัดนิเวศธรรมประวัติอยู่บนเกาะบ้านเลนกลางแม่น้ำเจ้าพระยาตรงกันข้ามกับพระราชวังบางปะอิน ไปถึงได้โดยกระเช้าข้ามแม่น้ำที่เชื่อมต่อลานจอดรถของพระราชวังกับตัววัด ความโดดเด่นของวันนี้อยู่ที่สถาปัตยกรรมแบบกอธิค หน้าตาเหมือนโบสถ์แบบฝรั่ง แต่ข้างในเป็นวัดไทย นับว่าสวยแปลกตาทีเดียว

  • โฮสสเตย์เกาะเกิด เรียนรู้วิถีชีวิตที่เรียบง่ายของชุมชนริมน้ำ ด้วยการไปนอนค้างคืนและกินอยู่แบบบ้านๆ ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ที่สงบแต่อบอุ่น ทั้งยังมีกิจกรรมน่ารักๆ ให้ได้ทำ อย่างนั่งเรือไปไหว้พระ เดินเล่นในตลาด ชมสวนผักของชาวบ้าน ทำขนมไทย เยี่ยมกลุ่มสมุนไพร ฯลฯ รับรองว่าไปแล้วจะได้ความสุขใจกลับบ้านไปด้วย

To Know

  • ค่ารถไฟขบวนธรรมดาชั้น 3 จากสถานีหัวลำโพงถึงบางปะอิน ราคาเที่ยวละ 20 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 ชั่วโมง
  • สถานีรถไฟบางปะอินห่างจากพระราชวังบางปะอินราว 2 กิโล ใครชอบเดิน เดินไปได้ แต่ถ้ากลัวเหนื่อยก็มีสองแถวให้บริการ

 

เล่นน้ำตก ปีนเขาที่ทุ่งสง เลยไปกันตัง สุดรางรถไฟฝั่งอันดามัน

สำหรับคนที่หลงเสน่ห์เมืองใต้ รถไฟไทยก็ตอบโจทย์ด้วยเส้นทางท่องเที่ยวที่หลากหลาย ผ่านทะเล ภูเขา ไปจนสุดปลายชายแดนที่สุไหงโกลก ที่สุดฯ เห็นว่าดีงามไม่แพ้ที่ไหน คือทุ่งสง นครศรีธรรมราช ลงสถานีก็ออกเที่ยวได้เลย ไม่ยาก ที่เที่ยวทางธรรมชาติให้ไปหลายที่ เสร็จแล้วต่อไปเมืองตรัง จนถึงกันตังก็น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะกันตัง ตัวสถานีสวยมากและยังมีประวัติศาสตร์ยาวนาน จนทางจังหวัดยกให้เป็นหนึ่งในโบราณสถานที่คู่ควรแก่การไปเยือนเลยทีเดียว

  • น้ำตกคลองจัง ในเมืองทุ่งสง เป็นน้ำตกขนาดไม่ใหญ่ แต่ธรรมชาติยังสมบูรณ์ และบรรยากาศดีใช้ได้ เพราะผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่านจึงยังคงเงียบสงบ นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินป่าเพื่อพิชิตยอดเขาเหมน หนึ่งในยอดเขาสูงของเทือกเขาหลวงแห่งนครศรีธรรมราชให้บรรดาขาลุยได้พิสูจน์พลังขาด้วย

  • ถ้ำตลอด ถ้ำขนาดไม่ใหญ่ อยู่ใกล้สถานีรถไฟทุ่งสง เดินไปไม่ไกลก็ถึง เป็นถ้ำที่ทะลุผ่านไปอีกฟากหนึ่งของภูเขา ภายในมีหินงอกหินย้อยที่สวยอลังการ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งของทุ่งสง
  • วัดหน้าเขา อยู่บนเนินเขาเล็กๆ หลังสถานีรถไฟมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมองค์ใหญ่ให้สักการะ แต่ที่ทำให้ต้องยกกล้องขึ้นมาเก็บภาพคือวิวเมืองตรังแบบพาโนรามา
  • ศาลเจ้ากิ้วอ๋องเอี่ย ศาลเจ้าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดตรังถ้าไปช่วงเทศกาลกินเจจะคึกคัก ไม่ต่างจากภูเก็ตเลย

To Know

จากกรุงเทพฯ ไปทุ่งสงมีรถไฟให้บริการทั้งขบวนรถธรรมดา ขบวนรถด่วนพิเศษ และขบวนรถใหม่ ทักษิณารัถย์ เรตราคาก็แล้วแต่ประเภทรถ ถ้าเป็นรถนอนชั้นสองของขบวนอุตราวิถีค่าเดินทางอยู่ที่ 798-888 บาท ส่วนชั้น 1 อยู่ที่ 1,268-1,468 บาท จากทุ่งสงถ้าจะไปต่อที่สถานีตรังหรือสถานีกันตัง สามารถนั่งรถไฟขบวนธรรมดาหรือรถท้องถิ่นไปได้ ถ้าถึงตรังแล้วจะเที่ยวต่อในเมืองในด้านหน้าสถานีมีรถตุ๊กตุ๊กหัวกบรอให้บริการเพียบ

 

ไปเที่ยวอุดรฯ ทะลุเวียงจันท์

ออกจากกรุงเทพฯ ช่วงค่ำ ไปรับพระอาทิตย์ยามเช้าที่ปลายทาง แม้ว่ารถไฟสายอีสานจะมีเส้นทางหลักอยู่ 2 สายคืออีสานวัฒนาที่มุ่งหน้าไปอุบลราชธานี และอีสานมรรคากับปลายทาง ณ หนองคาย แต่ทั้งสองจุดหมายหลายคนน่าจะเคยไปเที่ยวมาบ้างแล้ว เราเลยอยากแนะนำอุดรธานี

สถานีรถไฟอุดรธานีตัวสถานีตั้งอยู่ในเมือง ไม่ไกลจากสถานีขนส่ง สามารถเดินไปถึงกันได้ การเดินทางเที่ยวในเมืองดุดรจึงไม่ใช่เรื่องยาก

  • สวนสาธารณะหนองประจักษ์ศิลปาคม ที่อยู่ของเจ้าาเป็ดเหลืองอันโด่งดัง เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ที่คนอุดรฯ ชอบไปออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจ จากสถานีรถไฟอุดรฯ นั่งรถโดยสารเข้าไปในเมือง 15 นาทีก็แชะรูปกับเป็ดยักษ์ได้แล้ว

  • ทะเลบัวแดง ที่เที่ยวที่ดังมากของอุดรฯ หากอยากแวะไปควรออกแต่เช้า เพราะสายๆ ดอกบัวจะเริ่มหุบแล้วความสวยจะน้อยลง ตั้งอยู่ที่อำเภอกุมภวาปี ไม่ไกลจากตัวเมืองมาก ลงรถไฟเช้าๆ แล้วเช่ารถขับไปราว 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง
  • สถานีรถไฟหนองคาย จุดเชื่อมต่อไทย-ลาว หากต้องการเดินทางไปเวียงจันทน์จะต่อรถไฟจากที่นี่ไปเลยก็ได้ หรืออยากจะต่อรถสองแถวไปข้ามสะพานมิตรภาพไทยลาว ที่สถานีก็มีให้บริการ

  • สะพานมิตรภาพไทย-ลาว หนองคาย เป็นสะพานที่ใช้ร่วมกันระหว่างรถยนต์และรถไฟ ในช่วงเวลาที่รถไฟแล่นผ่านจากหนองคายไปเวียงจันทน์ หรือจากเวียงจันทน์ไปหนองคาย สะพานจะปิดทางสัญจรของรถยนต์ ก่อนจะเปิดให้ใช้งานปกติหลังจากรถไฟจากไปแล้ว
  • เวียงจันทน์ ไปถึงอุดรฯ สามารถนั่งรถไฟไปยังหนองคาย แล้วต่อไปยังสถานีท่านาแร้งของเวียงจันทน์ได้เลย สะดวกสบายไม่ต้องวุ่นวาย ถึงแล้วก็เหมารถเข้าเมืองได้ง่ายๆ ราคาไม่แรง ไปไหว้พระธาตุ ถ่ายรูปกับประตูชัย กินกาแฟโจมา แล้วค่อยกลับก็ยังไหว

To Know

จากกรุงเทพฯ ไปอุดรธานีมีรถไฟให้บริการทั้งขบวนรถด่วน ขบวนรถเร็ว และรถด่วนพิเศษขบวนใหม่ อีสานมรรคา เรตราคาก็แล้วแต่ประเภทรถ ถ้าเป็นรถนอนชั้นสองของขบวนอีสานมรรคาค่าเดินทางอยู่ที่ 729-819 บาท ส่วนชั้น 1 อยู่ที่ 1,117-1,317 บาท จากอุดรฯ สามารถนั่งรถด่วนไปยังหนองคาย แล้วต่อไปยังสถานีท่านาแล้งของเวียงจันทน์ได้ โดยเขียนบัตรผ่านแดนที่สถานีรถไฟหนองคายได้เลรถไฟจากสถานีหนองคายไปยังสถานีท่านาแล้งของเวียงจันทน์มีเที่ยวเวลา 10.00 น. และ 16.00 น. ส่วนเที่ยวกลับจากท่านาแล้งมาหนองคายมีเที่ยว 10.45 น.และ 17.00 น. โดยใช้เวลาเดินทาง 15 นาที

 

4 เส้นทางไป-กลับแบบวันเดียว (เปิดให้บริการทุกเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ)

  • วิ่งบนรางไปหัวหินและสวนสนประดิพัทธ์

ออกจากหัวลำโพงแต่เช้าตรู่ 6.30 น. พอถึงนครปฐม ขบวนรถจะจอดแวะให้กราบพระปฐมเจย์ดีหรือช็อปปิ้งเบาๆ 40 นาที ก่อนจะตรงดิ่งไปสถานีหัวหินเลย ณ จุดนี้ใครอยากไปหาดหัวหินก็ต่อสองแถวไปได้ แต่ถ้าอยากชิลล์กว่านั้นนั่งเลยไปอีก 10 นาที จนถึงที่หยุดรถสวนสนประดิพัทธ์ (ราว 10.40 น.) ก็ย่ำทรายวิ่งลงทะเลได้เลย จะเล่นน้ำหรือนั่งกินลมชมวิวก็ได้ยาวๆ แล้วค่อยขึ้นรถไฟกลับตอนบ่าย 3 ครึ่ง

 

  • นั่งรถไฟสายประวัติศาสตร์ เที่ยวน้ำตกไทรโยค

จุดหมายฮ็อตฮิตของกาญจนบุรีที่ไปถึงด้วยรถไฟ และเที่ยวได้ในวันเดียว แค่ต้องออกจากกรุงเทพฯเช้าหน่อย แต่คุ้มค่า เพราะแวะเที่ยวตลอดทาง ตั้งแต่องค์พระปฐมเจดีย์ที่นครปฐม สะพานข้ามแม่น้ำแควร์ ผ่านถ้ำกระแซ วิ่งไปบนเส้นทางรถไฟสายประวัติศาสตร์ ลัดเลาะไปตามหน้าผาและป่าโปร่ง จนถึงน้ำตกไทรโยคน้อยราว 11.30 น. เล่นน้ำให้หนำใจ แล้วเลยไปสุสานทหารสัมพันธมิตร ก่อนจะขึ้นรถไฟกลับช่วงเย็น ถึงกรุงเทพฯ ตอนค่ำๆ

  • รถไฟลอยน้ำที่เขื่อนปาสักชลสิทธิ์

เส้นทางที่หลายคนฝันถึง กับการได้นั่งบนขบวนรถไฟที่วิ่งผ่านเหนือผืนน้ำแห่งเดียวในประเทศไทย ที่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี เป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่เปิดเมื่อไรก็เต็ม เพราะเที่ยวง่าย แบบไปเช้าเย็นกลับ แต่จะเปิดให้ได้ไปนั่งฟินกันแบบจำกัดช่วงเวลา ไม่ได้มีบริการทั้งปี ดังนั้นใครอยากจะไปเก็บภาพและความประทับใจที่นี่ต้องโทรสอบถามที่คอลเซ็นเตอร์ 1690 ก่อนนะจ๊ะ

 

  • ย้อนรอยวันวานกับรถจักรไอน้ำ

อยากเที่ยวแบบฮิปๆ การรถไฟก็จัดให้ ด้วยรูปแบบการเดินทางสไตล์วินเทจกับรถจักรไอน้ำอายุร้อยกว่าปี ซึ่งจะเปิดให้บริการเพียง 4 ครั้งต่อปีเท่านั้นในวันคล้ายวันสถาปนากิจการรถไฟ 26 มีนาคม วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม วันปิยมหาราช 23 ตุลาคม และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม โดยจะพาเที่ยวในเส้นทางระยะสั้นไปยังจังหวัดอยุธยา ฉะเชิงเทรา และนครปฐม ส่วนวันไหนจะพาไปที่ไหนนั้น โทรสอบถามที่คอลเซ็นเตอร์ได้เลยค่ะ

ตั๋วไป-กลับ 250 รวมอาหารเช้าและเครื่องดื่ม (เมื่อถึงที่หมายแล้วเดินทางเที่ยวเอง) 999 บาท รวมอาหารเช้า อาหารกลางวัน เครื่องดื่มตลอดการเดินทาง และรถบัสนำเที่ยว

 

 

วางแผนการเดินทางให้ถึงที่หมายอย่างตั้งใจ

กำหนดจุดหมายปลายทางว่าจะไปที่ไหน ตำบล อำเภอ หรือว่าจังหวัดใดในประเทศไทย

เลือกขบวนรถโดยดูจากตารางเวลาเดินปรึกษาคอลเซ็นเตอร์ที่ 1690 ก็ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

ซื้อตั๋ว สามารถซื้อตั๋วล่วงหน้าได้นาน 60 วันก่อนการเดินทาง

ซื้อได้ที่สถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศได้เลย

จองที่นั่งทางคอลเซ็นเตอร์ 1690 ได้ทุกวันระหว่าง 8.30-16.30 น. (อย่างน้อย 5 วันก่อนเดินทาง)

ทั้งนี้ก่อนเดินทางสามารถเปลี่ยนแปลงตั๋ว (คืนหรือเลื่อน) ได้ก่อนขบวนรถออกไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง (มีค่าธรรมเนียมตามระเบียบ)

เดินทางควรถึงสถานีก่อนเวลาขบวนรถออก แล้วเช็คดูขบวนรถ คันที่ (ข้างตัวรถ) และเลขที่นั่งให้ตรงกับที่ระบุในตั๋ว ระหว่างเดินทางให้ระวังของมีค่าให้ดี อย่าไว้ใจคนแปลกหน้า และหากมีเหตุการณ์ไม่ปกติหรือพบสิ่งของผิดสังเกตให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ

วางแผนเที่ยว สนุกชิล สบายใจ ไร้กังวล

ชิมอร่อย ช็อปสนุก กับเทศกาลอาหารและการท่องเที่ยว Shoryudo

คู่มือไปเที่ยว เก๋ๆ ที่จะช่วยให้คุณได้เที่ยวแบบไม่ซ้ำใคร

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up