เปิดใจ ก้อง สหรัถ หนุ่ม เท่ ดูดี มีเสน่ห์

Alternative Textaccount_circle
event

ถ้าถามว่าทำไมใครๆ ถึงชื่นชอบ ก้อง สหรัถ คงได้คำตอบกลับมามากมาย ทั้งความหล่อ เท่ มีเสน่ห์ ด้วยบุคลิกสุขุม อบอุ่น และแน่นอนความสามารถทางด้านดนตรี เขาจึงยังคงเป็นศิลปินที่มีแฟนคลับทุกรุ่นทุกวัยตามกรี๊ด จนตัวเองก็แอบแปลกใจ

“คิดว่าเพราะอะไรแฟนคลับจำนวนมากถึงยังกรี๊ดเราอยู่ นั่นน่ะสิครับ เป็นคำถามที่ผมเองก็กำลังหาคำตอบเหมือนกัน (หัวเราะ) เพราะว่าอะไร (หยุดคิด) เพราะเราตั้งใจทำงานมั้งครับ ได้รับงานอะไรมาก็ตั้งใจทำให้ดี การที่ยังมีคนรักมีคนชื่นชอบถือเป็นกำลังใจ เป็นพลังบวกที่เข้ามาอยู่ในชีวิตเราทุกๆ วัน

“ถ้าย้อนกลับไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ผมไม่เคยคิดเลยครับว่าตัวเองจะก้าวมาถึงจุดนี้ ตอนนั้นมันก็แค่อยากเล่นดนตรี มีความสุขกับการได้เล่น อยากเป็นนักดนตรีคนหนึ่ง ไม่ได้คิดอะไรมาก แค่เด็กนักเรียนที่เล่นดนตรีกันมา ได้เล่นตามผับตามบาร์ ถึงวันหนึ่งก็อยากจะมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง มีชื่อเสียง ผมเชื่อว่านักดนตรีทุกคนก็คิดแบบนี้ เหมือนความฝันของคนทั่วๆ ไป ไม่ได้คิดว่าจะมาได้ไกลขนาดนี้”

(สุดฯ : ถ้าให้พูดอะไรสักอย่างกับตัวเองในวันนั้น?) “เหนื่อยแน่มึง (หัวเราะ) คงจะบอกให้เตรียมใจให้ดีๆ เตรียมร่างกายให้พร้อม (วันข้างหน้ามีงานหนัก-สุดฯ) “เป็นเรื่องปกติครับ พอเห็นเรื่องราวต่าง ๆ มากขึ้น ความบ้าพลัง ความดิบมันกลายเป็นประสบการณ์ เวลาที่ต้องตัดสินใจเราก็ใจเย็นลง ค่อยๆ คิดค่อยๆ ทำ งานที่ออกมามันก็ประณีตขึ้นกว่าตอนที่ใช้อารมณ์ ใช้ความบ้าความมุทะลุ ซึ่งก็ดี เพราะช่วงที่มีพลังเยอะมากๆ เราได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์อยากทำอะไรทำเลย ลุยเลย ไม่ได้คิดว่าสิ่งที่ทำนั้นจะมีเอฟเฟ็กต์อะไรตามมาหรือเปล่า ไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง ทำให้มีโอกาสได้ทำอะไรบ้าๆ บิ่นๆ แต่พอโตขึ้น ผ่านประสบการณ์ชีวิต มันเริ่มฉุกคิดว่าอันนี้อย่าไปทำเลย ทำแบบนี้จะดีเหรอ ทำแล้วมีผลที่ตามมาอย่างไรบ้าง ความบ้าระห่ำมันน้อยลง คิดไตร่ตรองมากขึ้น

“ยิ่งเวลาผ่านไปชีวิตมันก็ยิ่งจริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ ช่วงอัลบั้มแรกๆ ผมสนุกไปกับชีวิต ไม่ได้รู้สึกท้าทายอะไรมากมาย ออกไปทำงาน ออกไปเล่นคอนเสิร์ต อยู่กับเพื่อนฝูง ออกไปทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศ มันมีแต่ความสนุกสนาน ต่อมามันเริ่มจริงจังมากขึ้น ไปไหนต้องโดนถ่ายรูป โดนสัมภาษณ์ เริ่มมีงานแสดงเข้ามา จนมาถึงวันนี้กลายเป็นว่าเราต้องพร้อมอยู่เสมอ เรียกว่าพร้อมทุกขณะจิต พร้อมจะโดนคนถ่ายรูปตลอดเวลา 24 ชั่วโมง แม้แต่ใส่ชุดนอนล้างรถอยู่หน้าบ้าน คือผมลืมไปไงครับ เพราะไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นใคร ผมก็คนธรรมดา แต่มีคนขับรถผ่านมา อุ๊ย! พี่ก้อง ขอถ่ายรูปหน่อย จะปฏิเสธเขาก็ไม่ได้ อย่าถ่ายเลยครับ ตอนนี้ผมดูไม่ดี มันก็ทำไม่ได้ นั่นแปลว่าเราต้องพร้อมเสมอ คือถ้าไม่พร้อมก็อย่าออกไปล้างรถด้วยสภาพนั้น (หัวเราะ)

“หรือบางทีที่เราเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาแล้วโดนแฟนคลับรุม เข้ามาขอถ่ายรูป แต่เราหงุดหงิดไม่ได้ ต้องพร้อมเสมอ ถ้าไม่พร้อมจะรับสถานการณ์อะไรแบบนี้ก็หมายความว่าคุณยังไม่พร้อมที่จะเป็นคนตรงนี้ ถ้าคุณจะยืนอยู่ตรงนี้คุณต้องพร้อม…พร้อมทุกขณะจิต ต้องควบคุมอารมณ์ได้ มีความอดทนอดกลั้นสูง

“ผมว่าชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่ผมอยากทำแล้วยังไม่ได้ทำนะครับ ตอนนี้ก็เกินจากที่อยากทำไปแล้วด้วยซ้ำ ชอบเล่นดนตรี อยากเป็นนักดนตรี อยากมีอัลบั้ม อยากประสบความสำเร็จในฐานะนักดนตรี มันก็ผ่านมาหมดแล้ว เลยเถิดไปเป็นโค้ชในรายการ The Voice ตอนนี้เป็นมุมกลับแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ผมอยากจะทำอะไรให้เบาลง

“การมาเป็นโค้ช The Voice ทำให้ผมได้เห็นไฟในคนรุ่นใหม่ คนที่เขาอยากจะมาอยู่บนเส้นทางแบบเรา ผมอาจจะโชคดีที่ชีวิตไม่ได้ต่อสู้อะไรมากก็พบกับความสำเร็จ เล่นดนตรีในผับบาร์แค่ประมาณ 2 ปีกว่าๆ ก็ได้ออกอัลบั้ม นูโวก็ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม การได้เห็นพวกเขาฟันฝ่า อดทนฝึกฝนต่อสู้อย่างเอาจริงเอาจังกันมากๆ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ชีวิตไม่ต้องผ่านช่วงเวลาอันสาหัสสากรรจ์เหมือนกับอีกหลายๆ คน

(สุดฯ : ทำไมโค้ชก้องชอบใช้มุกถ่ายรูปครอบครัว) “ก็ผู้เข้าแข่งขันเขาชอบพูดแบบนั้นนี่ครับ รุ่นเด็กๆ หน่อยเขาก็มักจะบอกว่าแม่หนูชอบพี่มากเลยพ่อหนูชอบพี่ ครอบครัวหนูชอบ ใช่ไหมครับ ถ้าอย่างนั้นก็มาอยู่ทีมพี่สิ จะได้ไปเจอกันทั้งครอบครัว (หัวเราะ) สำหรับผมการเป็นขวัญใจของคนรุ่นไหนมันก็เป็นกำลังใจทั้งนั้น จะอายุ 10 20 30 40 ไปจนถึง 70 – 80 ล้วนแล้วแต่เป็นความรู้สึกดีๆ ที่ประชาชนมีให้เรา

“ในอนาคตใกล้ ๆ นี้คิดว่าอยากจะทำทุกอย่างให้เบาลง (หัวเราะ) ลดสิ่งที่ไม่ใช่เราจริงๆ เช่น งานแสดง คงจะถอยออกมา ไม่โหมกับชีวิตมากเกินไป ใช้ชีวิตให้มีความสุข ดนตรีคงเล่นไปตลอด เพราะผมชอบเล่นดนตรี ทุกวันนี้ยังเล่นไม่ต่ำกว่า 10 งานต่อเดือน ได้เจอเพื่อนที่รู้ใจ แค่ได้เล่นก็มีความสุขแล้ว

“การดูแลตัวเองผมแบ่งเป็นเรื่องกายภาพกับจิตใจ กายภาพก็เกี่ยวกับการพักผ่อน การออกกำลัง การรับประทานอาหารดีๆ อายุขนาดนี้คงไม่โตไปกว่านี้แล้ว ก็ไม่ต้องกินเนื้อสัตว์เยอะ เลี่ยงอาหารที่ย่อยยาก ลดของมันของทอดส่วนเรื่องจิตใจก็อารมณ์ดีเข้าไว้ คิดเรื่องดีๆ อารมณ์เสีย โมโห ความเครียดมันต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วเพราะว่าเราเป็นมนุษย์ พอเกิดขึ้นปุ๊บต้องรีบเอาออกไปให้เร็วๆ ไม่อย่างนั้นมันจะออกมาทางสีหน้า แววตา ผิวพรรณ ดูไม่สดใสจิตใจมีความสำคัญแบบห้าสิบห้าสิบเลยนะครับ ต่อให้กินดีแค่ไหน ออกกำลังดีแค่ไหน ถ้าข้างในมันร้อนก็ส่งผลออกมาข้างนอก

“หาเวลาไปพักผ่อนบ้าง ไปเที่ยวในมุมที่เราชอบ การทำงานของผมต้องเจอคนเยอะ ออกคอนเสิร์ตเจอแฟนคลับ ในเวลาที่อยากจะพักผ่อนจริง ๆ ก็ไปในที่ที่มันไม่มีคน ไม่คลื่นโทรศัพท์ ไม่มี Wi-Fi ไปอยู่นิ่ง ๆ ไม่ต้องทำอะไร
ไม่ต้องคิดอะไร แต่แบบนั้นมีโอกาสน้อยมาก นาน ๆ ทีถึงได้ไป ถ้าไม่มีเวลาขนาดนั้นก็ต้องทำใจ…ทำจิตใจให้สงบ ดูหนัง ฟังเพลงที่เราชอบ เล่นกีตาร์อยู่บ้าน อยู่กับเพื่อนๆ คุยเล่นกันสัพเพเหระ ถ้าเวลาได้แค่นี้ก็เอาแค่นี้”
(สุดฯ : รู้สึกยังไงที่มีคนยกให้เป็นคนหล่ออมตะ) “โห รู้สึกเท่มาก ขอบคุณครับ ผมถือว่าเป็นคำชม”

 

เรื่องที่น่าสนใจอื่นๆ 

หวานจนน่าอิจฉา เหล่าคู่รักดารา ทำเซอร์ไพร้ส์วันเกิด

ย้อนวันวาน ดาราชายยุค 90 งานดี๊ดีต่อใจเหลือเกิน

20 ดาราชายที่โตมาแล้วหล่อ งานดีสะเทือนวงการ!!

สุดสัปดาห์

keyboard_arrow_up