Hugh Jackman กับตำนานของความเป็น Wolverine

ถ้าพูดถึงภาพยนตร์ X-Men หลายคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งเรื่องนี้คือการถือกำเนิดหมนุษย์กลายพันธุ์สุดเท่อย่าง Wolverine ที่รับบทโดย Hugh Jackman ตั้งแต่ภาคแรกจนมาถึงภาคปัจจุบัน รวมไปถึงภาคเสริมอื่นๆ ถ้าพูดถึงมนุษย์หมาป่า เราก็จะนึกถึงเขาเสมอ

Hugh Jackman เป็นนักแสดงชาวออสเตรเลีย จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีซิดนีย์ สาขาการสื่อสาร เอกวิชาการหนังสือพิมพ์ และเรียนต่อด้านการแสดง การละครของสถาบันการแสดงแห่งออสเตรเลียตะวันตก

ครอบครัวคือส่วนเติมเต็ม

อย่างที่รู้กันดีว่าฮิวจ์มีครอบครัวแล้ว ภรรยาของเขาก็คือ เดบอร์รา-ลี นักแสดงและโปรดิวเซอร์ที่แก่กว่า 13 ปี โดยทั้งคู่แต่งงานเมื่อปีพ.ศ.2539 หลังจากพบรักในกองถ่ายละครทีวี Correlli ที่เล่นด้วยกันเมื่อปีพ.ศ.2538 เขาตัดสินใจรับลูกบุญธรรมมาเลี้ยง เพราะภรรยาของเขาแท้งลูกถึงสองครั้ง แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะครอบครัวเขาแฮปปี้มาก ฮิวจ์บอกว่า มีกฎอยู่ข้อหนึ่งที่เขาและภรรยายึดมันมาโดยตลอด นั่นคืออย่าแยกหรือห่างจากลูกๆ นานเกินสองสัปดาห์ เขารักงานที่ทำ แต่เขาก็ไม่ละเลยครอบครัว เพราะรู้ว่าควรทำอะไรก่อนหลัง ครอบครัวคืออันดับหนึ่ง งานคืออันดับสอง แหม!! เป็นแฟมิลี่แมนมากๆ เลยค่า

วิถี Wolverine กับการฟิตหุ่น

กว่าเขาจะมาเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่หุ่นแน่นขนาดนี้ได้ เขาต้องฝึกหนักมากเป็นเวลา 4 สัปดาห์และฝึกแบบเพิ่มปริมาณ (higher-volume) อีก 2-3 สัปดาห์ เพื่อให้เขามีขนาดร่างกายที่หนาขึ้น การฝึกยกน้ำหนักมากๆ จะทำในเซ็ตที่มีจำนวนครั้งน้อยและให้พักนานเพื่อให้ร่างกายของเขาสามารถสะสมปริมาณกล้ามเนื้อได้มากที่สุด ถึงแม้บางครั้งหนังจะจบไปแล้วฮิวจ์ก็ยังออกกำลังกายเสมอ อาจเพราะติดเป็นนิสัย เลยทำให้หุ่นของเขายังเป๊ะและแน่นเหมือนอย่างทุกวันนี้

ผลงานและรางวัลที่น่าภูมิใจ

ฮิวจ์เริ่มงานแสดงในออสเตรเลีย จากภาพยนตร์อิสระอย่าง Paperback Hero และ Erskineville Kings ซึ่งได้รางวัล Australian Film Critics’ Circle award สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และยังได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล The Australian Film Institute สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมด้วย และยังได้รับการยกย่องจาก Australian Movie Convention ให้เป็น Australian Star of the Year เมื่อปี 1999

ในส่วนของผลงานนั้นฮิวจ์มีเยอะมากๆ เช่น The Fountain, The Prestige ของคริสโตเฟอร์ โนแลน, Scoop ของวู้ดดี้ อัลเลน, พากย์เสียงในแอนิเมชั่นเรื่อง Happy Feet และ Flushed Away, Someone Like You, Swordfish, Van Helsing, Kate and Leopold ที่ได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลลูกโลกทองคำ ปี 2002

Favorite Action Star at the People’s Choice Awards 2010

นอกจากนี้บทบาทในเรื่อง The Boy From Oz ส่งให้เขาคว้ารางวัล Tony Award สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ในปี 2004 และยังกวาดรางวัล Drama Desk, รางวัล Drama League, รางวัล Outer Critics Circle และรางวัล Theatre World มาครองได้สำเร็จอีกด้วย #ปรบมือรัว

ยังไม่พอค่ะ ฮิวจ์ยังเคยทำหน้าที่เป็นพิธีกรในงาน Annual Academy Awards ประจำปีครั้งที่ 81 อันทรงเกียรติ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามารับหน้าที่พิธีกรในงานรางวัล ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นพิธีในงาน Tony Awards มาแล้ว 3 ปีติดต่อกันตั้งแต่ปี 2003-2005 ทำให้เขาได้รับรางวัล Emmy® Award

ได้เวลาแขวนกรงเล็บ

หากพูดถึงผลงานที่สร้างชื่อของพระเอกฮิวจ์ เชื่อว่าหลายคนน่าจะนึกภาพเขาในมาด วูลฟ์เวอรีน ขึ้นมาเป็นอันดับแรก ซึ่งตัวละครตัวนี้ปรากฎต่อสายตาทุกคนในภาพยนตร์ X-Men ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2000 และหลังจากนั้นก็ได้รับกระแสดีมาตลอด ฮิวจ์กลับมาเล่นให้ทุกภาค จนกระทั่งมีภาคเสริม The Wolverine แยกมาเป็นพาร์ทของเขาเอง เมื่อปี 2009 และ 2013

และล่าสุดกับบาทบาทครั้งสุดท้ายใน Logan ปี 2017 โดยฮิวจ์ได้คิดไอเดียบอกลาตอนจบของเรื่องนี้เป็นที่เรียบร้อย พร้อมเผยว่า “นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายของผม ผมคิดว่านี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมแล้ว ว่ากันตามตรงผมไม่คิดว่าเราจะถึงจุดสิ้นสุดหลังมาไกลถึง 17 ปี ผมจึงขอบคุณแฟน ๆ ที่ให้โอกาสรับบทนี้ ผมคิดเอาไว้แล้วว่าเราจะทำอะไรกับหนังภาคสุดท้าย ผมว่านี่คือหนทางบอกลาที่ดีที่สุด” งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา แม้เขาจะแขวนกรงเล็บไปแล้ว สุดฯ เชื่อว่าทุกคนก็จะจดจำเรื่องราวของ วูลฟ์เวอรีน ไว้ในใจตลอดไป

มาปิดฉากไปด้วยกัน!!

สำหรับภาพยนตร์เรื่อง Logan ที่เข้าฉายในบ้านเราตอนนี้ คือบทสุดท้ายและจุดจบของชีวิต วูลฟ์เวอรีน แต่จุดจบก็คือจุดเริ่มต้น โดยตัวหนังปูทางให้มี X-23 ที่มีพลังแบบเดียวกับ วูลฟ์เวอรีน เข้ามาร่วม นั่นแสดงว่าเมื่อ วูลฟ์เวอรีน ได้เสียชีวิตและปิดฉากตัวเองลง ก็จะมีตัวแทนนั่นเอง นอกจากนี้ในภาคนี้เราจะเห็นได้ว่าชีวิตของตัวละครมีขึ้นลงอยู่เสมอ จากที่แข็งแรงก็กลายเป็นหมดไป มีบาดแผลจากการต่อสู้ ซึ่งตอนนี้ร่างกายโลแกนไม่สามารถฮีลตัวเองได้รวดเร็วเหมือนเดิม เขาต้องยอมรับสภาพ กับความบาดเจ็บที่ไม่เคยได้รู้สึกเลยเป็นร้อยปี แต่นั้นก็ทำให้เรากลับมาคิดได้ว่าชีวิตของคนเราไม่แน่นอนเสมอไป สำหรับใครที่อยากร่วมปิดฉากนี้ไปด้วยกัน สามารถไปชมกันได้แล้วในโรงภาพยนตร์ รับรองว่าไม่ผิดหวัง